Microsoft Office สำหรับสมาร์ตโฟน รวมทุกอย่างในแอปเดียว

วันนี้ Microsoft ได้เปิดตัวแอปทำงานตัวใหม่ “Office” ให้ผู้ใช้สามารถทำงานต่าง ๆ ได้สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เบ็ดเสร็จในแอปเดียว

ก่อนหน้านี้ Microsoft เองได้ออกแอปของบริการใน Office 365 มาแล้วถึง 3 แอป อย่าง Word, Excel และ PowerPoint ที่เราคุ้นเคย แต่ในแอปใหม่นี้จะรวบรวมทั้ง 3 บริการมาอยู่ในแอปเดียวเท่านั้น พร้อมเพิ่มความสามารถอื่น ๆ อีกด้วย

ผู้ใช้สามารถเลือกถ่ายภาพเพื่อแปลงเป็นไฟล์ Word, Excel และ PowerPoint ได้ในเพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น รวมถึงนำฟีเจอร์ของ Office Lens เข้ามารวมในแอปนี้ด้วยเพื่อการสแกนเอกสารหรือไวท์บอร์ด รวมถึงยังสามารถสร้างไฟล์ PDF ได้จากสมาร์ตโฟนโดยตรง ทั้งจากเอกสาร Word, Excel และ PowerPoint หรือการสแกนผ่านกล้องสมาร์ตโฟน

ความสามารถทั้งหมดที่กล่าวมาจะอยู่ในแอป “Office” ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในช่วงการทดสอบ และบุคคลทั่วไปสามารถเข้าร่วมทดสอบได้แล้ววันนี้บน Android และ iOS

แอป Office จาก Microsoft

Microsoft ยอมรับ Android คือระบบปฏิบัติการที่ดีที่สุดสำหรับสมาร์ตโฟน

ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ที่กรุงลอนดอน Panos Panay ผู้บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ได้เปิดตัว Surface Duo หรือสมาร์ตโฟนแบบพับหน้าจอได้ ใช้ระบบปฏิบัติการ Android สำหรับ Surface Duo ด้วยเหตุผลว่า มันดูเรียบง่าย และเป็นระบบปฏิบัติการที่ดีที่สุดสำหรับอุปกรณ์ชิ้นนี้แล้ว

ย้อนกลับไปสมัยก่อนที่ Microsoft ยังพยายามผลักดันระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ตโฟนของตัวเอง Android ถือว่าเป็นคู่แข่งที่สำคัญมาก แต่โพรเจ็คดังกล่าว ถึงแม้ว่า Windows Mobile จะเป็นระบบปฏิบัติการที่ดีก็จริงแต่เนื่องจากไม่มีแอปรองรับมาก ผู้ใช้งานจึงเปลี่ยนไปใช้ Android กันมากกว่า

เมื่อไม่มี Windows 10 Mobile ไม่ได้ไปต่อแล้ว หนทางที่เหลือของ Microsoft คือการเลือก Android มาใช้กับสมาร์ตโฟนอย่าง Surface Duo

นอกจากนี้ Panay ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ความมุ่งมั่นของ Microsoft คือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถให้บริการผู้ใช้งานได้ตลอดเวลา อย่าง Surface Pro X หรือ Surface Laptop 3 ที่ออกแบบตัวเครื่องให้แกะซ่อมได้ง่ายขึ้น สามารถถอด SSD ด้วยตัวเองได้ เป็นต้น

Image result for Microsoft ยอมรับ Android คือระบบปฏิบัติการที่ดีที่สุดสำหรับสมาร์ตโฟน

ปรับ Start menu ของ Windows 10 ให้เปิดเร็วขึ้น

วันนี้มีเคล็ดลับการปรับแต่งเมนูเริ่ม (Start menu) ของ Windows 10 ให้เปิดหรือทำงานเร็วขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้งานบนเครื่องพีซีหรือแท็บเล็ตที่ใช้ซีพียูไม่ค่อยแรงนักอย่างเช่น Intel Atom เป็นต้น

สำหรับเคล็ดลับที่นำมาฝากวันนี้เป็นวิธีง่ายๆ คือการปิดวิชวลเอฟเฟคท์ (Visual Effects) ภาพเคลื่อนไหวบนเมนูเริ่ม ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

1. ให้คุณทำการเปิดหน้า System Properties

  • กดปุ่ม Windows + Break จากนั้นคลิก Advanced system settings บนหน้า System
  • คลิกขวาบนเมนูเริ่ม หรือกดปุ่ม Windows + X จากนั้นคลิก System แล้วคลิก Advanced System Settings บนหน้า System
  • กดปุ่ม Windows + R ป้อน sysdm.cpl ในช่อง Open เสร็จแล้วคลิก OK จากนั้นคลิกแท็บ Advanced บนหน้า System Properties

2. ถึงตอนนี้คุณจะมาอยู่ที่หน้า System Properties จากนั้นให้คุณคลิก Settings ซึ่งอยู่ภายใต้หัวข้อ Performance

 

3. ให้คุณทำการยกเลิกการติ๊กเลือกหัวข้อ “Animate windows when minimizing and maximizing” เพื่อปิดการทำงาน ( Disable) วิชวลเอฟเฟคท์ภาพเคลื่อนไหว

หลังจากทำตามขั้นตอนด้านบนเสร็จแล้ว เมื่อคุณทำการเปิดเมนูเริ่มมันจะปรากฏขึ้นแบบทันที การปิดวิชวลเอฟเฟคท์นี่ไม่มีผลกับไทล์ที่มีชีวิต (Live Tiles) นั้นหมายความว่ามันจะยังคงแสดงเคลื่อนไหวตามปกติ

Dev จัดหนัก จับ Windows 10 ลงในเครื่องคิดเลขได้แล้ว

การจับ Windows ไปลงในอุปกรณ์ต่าง ๆ นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่มีคนลองกันอยู่เสมอ ล่าสุดก็เป็นคิวของเครื่องคิดเลขบ้างแล้วครับ โดยมี developer สามารถนำ Windows 10 ไปบูทบนเครื่องคิดเลขได้แล้ว

โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อบัญชีว่า @imbushuo ได้โพสต์ภาพและคลิปที่ตนเองทดลองนำ Windows 10 (น่าจะเป็นรุ่นสำหรับชิปตระกูล ARM) มาทำงานบนเครื่องคิดเลข HP Prime Graphing Calculator ซึ่งในตอนนี้ก็สามารถเข้าหน้าบูทได้แล้ว จากที่ในทีแรกติดปัญหาเนื่องจากความละเอียดหน้าจอของตัวเครื่องต่ำเกินไป (320 x 240) โดยสามารถติดตามต่อได้จากในบัญชีทวิตเตอร์ของเจ้าตัว ที่อยู่ตรงที่มาของข่าวได้เลย

สเปคคร่าว ๆ ของเครื่องคิดเลข HP Prime Graphing

  • ชิปประมวลผลแบบ ARM ความเร็ว 400 MHz
  • หน้าจอสัมผัสความละเอียด 320 x 240 16 บิท
  • แรม 32 MB
  • รอม 256 MB
  • รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB
  • แบตเตอรี่ li-ion
  • น้ำหนัก 228 กรัม
  • ราคาในไทยประมาณ 8,000 กว่าบาท

Microsoft ประกาศเปิดตัวสร้างเหรียญโทเค็นบนแพลตฟอร์ม Ethereum

Microsoft ประกาศเปิดตัวสร้างเหรียญโทเค็นบนแพลตฟอร์ม Ethereum ผู้เชี่ยงชาญชี้อาจส่งผลต่อราคา ETH เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวลือมายเกิดขึ้นในชุมชน Ethereum เนื่องจากตลาดยังคงมีการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างซบเซา ในขณะเดียวกันการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและการนำไปใช้นั่นดูเหมือนว่าจะมีความคืบหน้าและมีการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากบริษัท Microsoft ซึ่งนั่นอาจช่วยให้ราคาขยับเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง

แพลตฟอร์มการสร้างเหรียญ Ethereum Token

ในสัปดาห์นี้มีรายงานระบุว่า บริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ ‘Microsoft’ ได้สร้างแพลตฟอร์มสำหรับการออกเหรียญโทเค็นของ Ethereum โดย Forbes มีการรายงานว่าแพลตฟอร์ม Azure Blockchain Tokens กำลังมีการรีวิวและมีการทดสอบอยู่ในขณะนี้

แพลตฟอร์มดังกล่าวจะมุ่งเป้าไปที่องค์กรต่างๆ และตอนนี้มีบางคนได้เริ่มทำโทเค็นเป็นของตนเองแล้ว ในขณะนี้ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงบล็อกเชนของ Ethereumที่ได้รับอนุญาตผ่านการใช้งานจากแพลตฟอร์ม Azure cloud computing ของบริษัทเพื่อให้สามารถเข้าถึง consensus บนการทำธุรกรรม

อย่างไรก็ตามในอนาคตนักพัฒนาจะสามารถใช้แพลตฟอร์ม Azure Blockchain Tokens ได้บน Ethereum blockchain สาธารณะ ซึ่งจะเปิดให้บริการสำหรับผู้ใช้ ทั่วไป

นักเทรดที่มีชื่อว่า ‘Crypto Cactus’ ตั้งข้อสังเกตว่าสิ่งนี้จะส่งผลดีต่อ Ethereum เนื่องจากมันเป็นแพลตฟอร์ม smart contract ที่โดดเด่นอยู่แล้ว

เมื่อวานนี้ Microsoft ได้เปิดตัวบริการที่เพิ่มผู้ใช้ไปยังระบบนิเวศของ ETH ซึ่งจะรวมถึงข้อผูกมัด , เอกสาร , สกุลเงิน , รายการสินทรัพย์ , ใบอนุญาต , คะแนนความภักดี(loyalty points) , สัญญา smart contracts และอื่น ๆ

การเพิ่มชุดเทมเพลตของการสร้างโทเค็นนั่นจะสอดคล้องกับมาตรฐาน Token Taxonomy Initiative (TTI) ขององค์กร ซึ่ง TTI นั่นเป็นมาตรฐานของการคิดริเริ่มสำหรับสมาคมองค์กรที่ทันสมัยนำโดยนาย Marley ‌Gray ผู้ออกแบบแพลตฟอร์มของ Azure Blockchain Tokens

แพลตฟอร์มนี้กำลังก้าวเข้าสู่กระบวนการที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับการอนุญาตให้มีโปรโตคอลการแข่งขันได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างเช่น R3, IBM หรือ AWS นาย ‌Gray กล่าวเพิ่มเติม

“เรากำลังสร้างแพลตฟอร์มใน cloud ที่สามารถเข้ากันได้กับโทเค็นใด ๆ ภายในกรอบการทำงานของ TTI ”

ปัจจุบัน Ethereum เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการโซลูชันการกระจายอำนาจบนบล็อกเชนสาธารณะ ซึ่งโทเค็นใด ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นนี้จะตกเป็นของบริษัทที่ปล่อยมันออกมา

ปฏิกิริยาของตลาด ETH

ตลอดช่วงสัปดาห์นี้ราคาของ Ethereum ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นสูงถึง 190 ดอลลาร์ โดยในขณะที่เขียนบทความนี้ราคาของ Ethereum ได้พุ่งขึ้นกว่า 5% และมีการซื้อขายอยู่ที่ 193 ดอลลาร์ อ้างอิงข้อมูลจาก Tradingview

Ethereum

อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นสำหรับ ETH เว้นแต่ว่ามันจะสามารถทำลายแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ $ 200 ได้สำเร็จ ซึ่งดูเหมือนว่าข่าวของ Microsoft นั้นจะส่งผลกระทบใด ๆ ต่อราคาของ Ethereum ในระยะสั้น แต่ก็ถือว่ามันเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในแง่ของการดำเนินงานบนเครือข่าย

Adobe ขยายการใช้งานแอปวาดภาพ Fresco ไปยัง Windows แล้ว

Adobe ได้เปิดตัวแอปวาดและระบายสีภาพ Fresco สำหรับ iPad ไปเมื่อต้นปี 2019 ที่ผ่านมา ล่าสุดทาง Adobe ได้ประกาศเปิดตัวแอป Fresco เวอร์ชัน Windows ภายในงานประชุม Adobe Max 2019 โดยมีค่าบริการ 9.99 เหรียญต่อเดือน (ประมาณ 300 บาทต่อเดือน) แต่สำหรับผู้ที่สมัครใช้บริการ Adobe Creative Cloud แล้วนั้น จะใช้งานได้ฟรี

Fresco เวอร์ชัน Windows จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์งานศิลปะได้อย่างง่ายดาย (รูปแบบการใช้งานเหมือนกับบน iPad) โดยผู้ใช้สามารถบันทึกผลงานเป็นไฟล์ PSD สำหรับใช้ใน Photoshop ต่อไปได้อย่างสะดวกสบาย

Adobe Fresco

ทาง Adobe ได้กล่าวว่า Fresco เวอร์ชัน Windows จะใช้งานบนอุปกรณ์ที่รองรับปากกา Stylus ได้ เช่น Microsoft Surface Pro หรือ Wacom MobileStudio Pro เป็นต้น และจะขยายการรองสำหรับอุปกรณ์อื่น ๆ เพิ่มเติมต่อไป

Microsoft ออกแบบโลโก้เว็บบราวเซอร์ Edge ใหม่

Microsoft ออกแบบโลโก้ของโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ Edge ใหม่ ที่ใช้ระบบ Chromium-Based หลังจากเปิดตัวโปรแกรมตัวนี้มาได้อายุ 4 ปีแล้ว และโลโก้แรกที่ใช้ ก็ดูมีความต้นแบบมาจาก Internet Explorer ตัวเดิม

แต่มาโลโก้ตัวใหม่นี้ ดูสวยงามมากขึ้น มีการไล่เฉดสีเขียวและฟ้า ให้ลายเส้นที่ดูลักษณะเหมือนคลื่นน้ำทะเล และมีความคล้ายคลึงกับการออกแบบของไอคอนชุดโปรแกรม Office

ตัวโลโก้ยังให้ความเหมือนตัวอักษะ e ที่เป็นตัวอักษรแรกของชื่อโปรแกรม แต่ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกับของ Internet Explorer ตัวเก่าก่อนโน้น ให้ความทันสมัยกว่ามาก

ก่อนหน้านี้ก็มีการเผยข้อมูลและปริศนาของโลโก้ใหม่ตัวนี้ จากหลากหลายช่องทางที่พนักงานของ Microsoft ได้เอาไปใส่ไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเรนเดอร์ภาพไอคอนเป็น 3D, หรือในโค้ด Javascript บนเว็บไซต์ Edge Insider

ตัวบราวเซอร์ยังมีเกมลับให้เล่นได้ด้วย เป็นเกม SkiFree เกมเก่าแก่ที่ Microsoft เคยเปิดตัวในชุด Entertainment Pack 3 สำหรับ Windows เมื่อปี 1991 โน้น โดยใช้ปุ่ม WASD ควบคุมตัวละคร หลบหลีกสิ่งกีดขวางต่างๆ คาดว่าจะได้เห็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานประชุม Microsoft Ignite ที่ Orlando สัปดาห์หน้านี้

Microsoft ประกาศแผนการอัพเดต Outlook for iOS

Microsoft ประกาศแผนการอัพเดต Outlook for iOS ให้ซัพพอร์ตฟีเจอร์ใหม่หลายประการ โดยเฉพาะฟีเจอร์ที่มากับ iPadOS

ฟีเจอร์แรกคือ Split View สำหรับเปิดหน้า Outlook บน iPad ได้ทีละหลาย ๆ หน้า เช่น เปิดอีเมลพร้อมปฏิทิน ฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ใช้งานภายสัปดาห์หน้า ส่วนฟีเจอร์ลากวางสำหรับอำนวยความสะดวกในการคัดลอกและแปะรูปภาพหรือข้อความยังไม่ระบุว่าจะมาเมื่อไร บอกเพียงว่าอยู่ในแผนการอัพเดต

ถัดไปคือ Dark Mode ที่ปล่อยไปก่อนหน้านี้ Microsoft ได้ปรับปรุงให้ Dark Mode ทำงานคู่กับ iOS ได้ดีขึ้น คือผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ Outlook ในธีมมืด, ธีมสว่าง หรือตามการตั้งค่าของตัว iOS หรือ iPadOS

ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจที่ Microsoft อัพเดตและเตรียมอัพเดตเร็ว ๆ นี้ เช่น

  • รองรับการเชื่อมต่อ Outlook for iOS กับบัญชี LinkedIn เริ่มทยอยปล่อยให้ใช้งานแล้ว
  • แนะนำโฟลเดอร์ที่คาดว่าผู้ใช้น่าจะย้ายอีเมลไป เหมาะกับผู้ที่ชอบจัดสรรอีเมลลงโฟลเดอร์ต่าง ๆ
  • Do Not Disturb ตั้งปิดการแจ้งเตือนอีเมลได้ตามต้องการ จะปล่อยฟีเจอร์นี้สัปดาห์หน้า

No Description

Windows 10X สามารถรองรับแล็ปท็อปเพิ่มเติมจากอุปกรณ์ 2 หน้าจอพับเก็บได้

2 ตุลาคม 2019 ที่ผ่านมาในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Microsoft บริษัทได้เปิดตัว Surface Neo อุปกรณ์ 2 หน้าจอที่สามารถพับเก็บได้ ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10X เป็นรุ่นใหม่ของ Windows 10 ที่ออกแบบมารองรับการใช้งานโดยเฉพาะทั้งใน Surface Neo่, Lenovo ThinkFold X1 และอุปกรณ์ของค่ายอื่น ๆ

25 ตุลาคม ผู้ใช้งาน Twitter ชื่อบัญชี WalkingCat ได้ค้นพบและทวีตเผยแพร่เอกสารการออกแบบภายใน ซึ่งเป็นเบื้องหลังของระบบปฏิบัติการ Windows 10X เป็นหลักฐานยืนยันว่า Windows 10X กำลังได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องและสามารถรองรับกับแล็ปท็อปนอกเหนือจากอุปกรณ์ 2 หน้าจอพับเก็บได้

ภาพแรกกล่าวถึงหน้าจอ Launcher ช่วยให้ผู้ใช้เริ่มต้นและกลับไปทำงานที่ทำไว้ล่าสุดได้อย่างรวดเร็ว โดยมาพร้อมกับช่องการค้นหาเพื่อใช้ค้นหาเว็บ แอปที่พร้อมใช้งาน และไฟล์ข้อมูลที่มีภายในอุปกรณ์ ส่วนตารางไอคอนตรงกลางจอภาพจะแสดงแอปที่ได้ติดตั้งไว้และเว็บไซต์ ด้านล่างถัดลงมาจะแสดงรายการของแอป ไฟล์ และเว็บไซต์ที่เปิดใช้บ่อยและใช้งานครั้งล่าสุด ด้านล่างสุดคือ Start Menu จะประกอบด้วยแอปภายในอุปกรณ์และเว็บแอปที่มีการอัปเดตอัตโนมัติ

Windows 10X Launcher

เมื่อผู้ใช้เปิดอุปกรณ์เข้าสู่ Windows 10X จะมีหน้าจอพิสูจน์ตัวตนที่ได้ปรับปรุงประสบการณ์ใหม่ด้วยระบบการจดจำใบหน้าที่เรียกว่า Windows Hello หลังจากสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนหรือจะกดรหัส PIN เมื่อผ่านแล้วก็จะเข้าสู่หน้าจอเดสก์ท็อป ซึ่งแตกต่างจาก Windows 10 แบบเดิมที่ต้องเลื่อนหน้าจอล็อกการใช้งานก่อนเข้าสู่หน้าจอการตรวจสอบสิทธิ์

Windows Hello

ระบบปฏิบัติการที่มีการไล่สีพื้นหลังได้อย่างกลมกลืน และระบบการโต้ตอบเพื่อให้ผู้ใช้งานมุ่งเน้นอยู่กับงานที่ทำอยู่ สรุปง่าย ๆ ว่าเน้นพื้นหลังว่างเปล่าและไอคอนด้านล่างนิดหน่อย ไม่ต้องมีไอคอนหรือเมนูต่าง ๆ มาจัดวางให้ดูเกะกะรบกวนการทำงาน

Blend Background

การเข้าใช่งาน การแจ้งเตือน การค้นหา และอื่น ๆ ที่มีความเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ เอกสารยังกล่าวถึงการกำหนดค่าที่รวดเร็วและรองรับการปรับแต่งที่เป็นดีฟอลต์ เช่น WiFi Cell-Data ภาษา บลูทูธ โหมดการโดยสารบินครื่องบิน ล็อกการหมุน ตำแหน่งที่ตั้ง การประหยัดแบตเตอรี ฮอตสปอต และอื่น ๆ

การเข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพ

ไมโครซอฟท์ปรับรอบการพัฒนา Windows 10 ภายใน

นับตั้งแต่ Windows 10 เป็นต้นมา ไมโครซอฟท์มีนโยบายออกรุ่นอัพเดตใหญ่ (feature releases) ปีละ 2 ครั้ง โดยกระบวนการพัฒนาจะเสร็จสิ้นในเดือนมีนาคมและกันยายนของทุกปี ซึ่งสะท้อนออกมาให้เห็นที่เลขเวอร์ชัน (เช่น v1903 และ v1909)

เมื่อพัฒนาเสร็จ OS แล้ว ไมโครซอฟท์จะทดสอบต่ออีกสักระยะหนึ่ง แล้วค่อยปล่อยอัพเดตมายังผู้ใช้ในวงกว้าง เช่น กรณีของ v1903 ที่ปล่อยอัพเดตในเดือนพฤษภาคม (May 2019 Update) หรือมีระยะห่างกันประมาณ 2 เดือน

ล่าสุดเว็บไซต์ ZDNet อ้างแหล่งข่าววงในไมโครซอฟท์ว่า รอบการพัฒนาของ Windows 10 กำลังจะเปลี่ยนไป โดยย้ายมาเป็นเดือนมิถุนายนและธันวาคมแทน

เหตุผลของการย้ายไม่ใช่เรื่องเทคนิค แต่เป็นเรื่องการเมืองภายในไมโครซอฟท์เอง หลังไมโครซอฟท์ปรับโครงสร้างองค์กรในปี 2018 แยกส่วนฝ่าย Windows and Devices Group โดยส่วนของ Devices ไปอยู่กับฝ่าย Experiences & Devices และส่วนของแกนระบบปฏิบัติการไปอยู่กับฝ่าย Azure

ฝ่าย Azure พัฒนาระบบปฏิบัติการใช้เอง โดยเป็น Windows 10 Server เวอร์ชันพิเศษสำหรับให้บริการคลาวด์ เมื่อทีมแกนหลักของ Windows 10 ย้ายมาอยู่ด้วย จึงต้องการซิงก์เวอร์ชันของตัวแกนระบบปฏิบัติการให้เหมือนกัน แต่ทีม Azure ใช้รอบการพัฒนาที่เดือนมิถุนายน-ธันวาคม ทำให้ทีม Windows ต้องปรับเวลาตาม และจะมีผลใน Windows 20H1 ที่จะปิดรอบการพัฒนาตอนสิ้นปี 2019 นี้

การปรับรอบเวลาครั้งนี้เป็นแค่รอบเวลาของการพัฒนาภายในเท่านั้น ไมโครซอฟท์จะยังปล่อยอัพเดตให้ผู้ใช้ราวเดือนเมษายน-ตุลาคมเหมือนเดิม