วิธีลบเกมส์ และ แอป (Uninstall) ที่ติดมาพร้อม Windows 10

สำหรับคนที่ใช้งาน Windows 10 แล้วไม่ต้องการเกมส์ที่ติดมาด้วยก็สามารถเลือก ลบเกมส์ หรือ ลบแอป ที่มาพร้อม Windows 10 ได้ง่ายๆ โดยไม่มีผลกับการใช้งานอื่นๆ เพราะหลายคนก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานแอปที่มาด้วย หรือส่วนของตัวเกมส์นยั้นก็ไม่ได้เปิดใช้งาน และอาจจะไม่ต้องการให้เด็กๆ มาเล่นเกมส์ที่อยู่ในเครื่อง และเหตุผลอื่นๆ ตามที่ผู้ใช้งานต้องการจะลบเกม์

ลบเกมส์ และ ลบแอป ในเครื่องคอม Windows 10
ส่วนวิธี Uninstall ก็ต้องผ่านระบบ Windows Settings ใหม่นั้นเอง เพราะหลายคนอาจจะเปิดเข้าไปดูที่ Control panel > Programs and Features แล้วไม่แสดงชื่อเกมส์และแอปจึงไม่รู้ว่าต้องไปถอดติดตั้งเกมส์ที่ไหน ซึ่งมีด้วยกัน 2 ช่องทางครับ เดี๋ยวมาดูกันว่าจะสะดวกแบบไหนมากกว่ากัน

1ลบเกมส์โดยคลิกปุ่ม Uninstall ที่ไอคอน
ใน Windows 10 ก็มีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้เรื่อยๆครับ อย่างการถอนการติดตั้งแอปที่มากับเครื่องนั้นก็ลบได้ง่ายๆ โดยเราสามารถ คลิกขวาที่ไอคอนเกมส์ แล้วเลือก Uninstall ได้เลยครับ แล้วก็คลิกปุ่ม Uninstall ยืนยันที่จะลบเกมส์นั้นได้เลย รอแค่แปปเดียวเกมส์นั้นก็จะหายไปแล้ว

2ลบเกมส์ผ่าน Windows Settings
แบบนี้ก็ไม่ยากครับ เพียงแต่ต้องเปิดเข้าหลายหน้าต่างหน่อย โดยให้คลิก Start menu แล้วเลือก Settings จากนั้นเลือก Apps ก็จะเข้ามาที่หน้า Apps & features เพียงแค่นี้ก็คลิกเลือกเกมส์ที่ต้องการลบ แล้วก็คลิกปุ่ม Uninsatll ตามด้วยเลือก Uninsatll เพื่อยืนยัน

เป็นไงครับไม่ยากเลยสำหรับวิธีลบเกมส์ และ วิธีลบแอป ที่ติดตั้งมาพร้อมระบบ Windows 10 ส่วนถ้าต้องการติดตั้งเพิ่มก็เปิดเข้าไปโหลดจาก Windows Store ได้ครับ

MTPG 2019 | แผ่นรวมโปรแกรมจำเป็นหลังลงวินโดวส์ | 1.16 GB

ดาวน์โหลด MTPG แผ่นรวมโปรแกรมสามัญประจำเครื่อง 2019 โปรแกรมพื้นฐานคอมพิวเตอร์ อัพเดท ตุลาคม2562 ไฟล์เดียวครบ ล่าสุด | 1.16 GB
MTPG เป็นชื่อแพ็กเก็จของการรวบรวมโปรแกรมสามัญประจำเครื่อง โปรแกรมที่จำเป็น โปรแกรมพื้นฐานสำหรับ PC Windows 10, 8.1, 7 มารวมไว้ในไฟล์เดียว มีโปรแกรมที่สำคัญๆอยู่ทั้งหมด 16 ตัว มีขนาดไฟล์รวม 1.16 GB โดยโปรแกรมแต่ละตัวนั้นมีความสำคัญค่อนข้างมากสำหรับใช้งานในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยทั่วไป จึงจำเป็นที่จะต้องมีติดเครื่องไว้ ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมเว็บเบราเซอร์/ โปรแกรมสำหรับใช้ Activate Windows, Office/ โปรแกรมบีบอัดไฟล์ แยกไฟล์/ แอนตี้ไวรัส/ โปรแกรมดูรูป แต่งรูป/โปรแกรมอ่าน แก้ไข PDF/โปรแกรมช่วยดาวน์โหลด/โปรแกรมแปลงไฟล์ เป็นต้น

MTPG นั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน Windows โดยทั่วไป ที่ต้องการที่จะติดตั้งโปรแกรมที่จำเป็นๆ เพื่อใช้งานหลังจากติดตั้ง Windows แต่ไม่มีเวลาหรือไม่ต้องการที่จะไปหาโหลดโปรแกรมแยกแต่ละตัวให้เสียเวลา ดังนั้นจึงได้รวบรวมโปรแกรมพื้นฐาน โปรแกรมสามัญประจำเครื่องเหล่านี้ขึ้นมา โดยโปรแกรมแต่ละตัวนั้นเป็นการอัพเดทที่ใหม่ที่สุด รุ่นล่าสุดของโปรแกรมนั้นๆ และมีรายชื่อโปรแกรมที่ถูกรวบรวมไว้ ดังนี้

รายชื่อโปรแกรมที่ได้รวบรวมไว้ในไฟล์นี้
– Adobe Acrobat Pro DC v2019.012.20040 โปรแกรมอ่าน สร้าง แก้ไข PDF
– Adobe Phoshop CS6 13.1.2 Extended โปรแกรมแต่งรูป
– Daum PotPlayer 1.7.20538 โปรแกรมเล่นไฟล์วิดีโอที่ดีที่สุด
– ESET v12.2.30.0 แอนตี้ไวรัส
– Everything 1.4.1.935 โปรแกรมค้นไฟล์ในเครื่องแบบเร็วโคตรๆ
– FastStone Capture 9.2 โปรแกรมจับภาพหน้าจอ
– FastStone Image Viewer 7.4 โปรแกรมดู แก้ไข จัดการรูป
– Format Factory 4.9.0 โปรแกรมแปลงไฟล์ทุกนามสกุล
– IDM 6.35 build 5 โปรแกรมช่วยดาวน์โหลด
– IObit Driver Booster 7.0.2.436 โปรแกรมค้นหาและอัพเดทไดร์เวอร์
– KMSoffline v2.1.3 โปรแกรม Activate Windows, Office
– Mozilla Firefox 69.0.3 โปรแกรมเว็บเบราเซอร์
– Office 2013-2019 C2R Install v7.0 ตัวติดตั้ง MS Office *แบบออนไลน์
– Revo Uninstaller Pro v4.2.1 โปรแกรมช่วยถอนการติดตั้ง ไม่ให้เหลือขยะไว้
– WinRAR 5.71 โปรแกรมบีบอัดไฟล์ แยกไฟล์
– Wise Care 365 v5.4.2.538 โปรแกรมลบไฟล์ขยะ ปรับจูนเครื่อง

วิธีการใช้งาน MTPG
MTPG เป็นแค่การรวบรวมเอาโปรแกรมพื้นฐานที่(อาจจะ)จำเป็นต้องใช้งาน หลังจากลง Windows ซึ่งเป็นตัวติดตั้งแบบเดียวกันกับโปรแกรมที่อยู่บนเว็บแมวโตะมารวมกันไว้ ไม่ได้ทำเป็นเมนูให้เลือกติดตั้งแบบเว่อร์วังอลังการแต่อย่างใด ถ้าสนใจติดตั้งโปรแกรมตัวไหนก็แค่เข้าไปในโฟล์เดอร์โปรแกรมนั้น อ่านวิธีติดตั้งแล้วทำตามเท่านั้นเอง สำหรับวิธีการใช้งานคือ

– รันไฟล์ MTPG 2019.exe แล้วจะมีหน้าต่างแสดงขึ้นมาดังรูปด้านล่าง
– ให้ทำการกดที่ปุ่ม Extract เพื่อแยกไฟล์ โดยหลังจาก Extract คุณจะได้โฟล์เดอร์ชื่อ MTPG 2019
– เมื่อเข้าไปด้านใน จะพบกับโฟล์เดอร์แยกของโปรแกรมต่างๆที่คุณ(อาจจะ)จำเป็นต้องใช้งาน
– คุณสามารถเลือกโปรแกรมที่ต้องการได้ตามใจชอบ โดยแต่ละโปรแกรมจะมีวิธีการติดตั้งเขียนไว้
– แต่ส่วนใหญ่แล้ว เพียงแค่รันไฟล์ Install.cmd ที่อยู่ในโฟล์เดอร์ของโปรแกรมนั้นๆ โปรแกรมที่ต้องการก็จะถูกติดตั้งให้อัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องแคร็กอะไรให้ยุ่งยาก

วิธีตั้งค่าปุ่มเปลี่ยนภาษาใน Windows 10 เพื่อสลับใช้ ไทย – อังกฤษ ด้วยปุ่มตัวหนอน

วิธีตั้งค่าปุ่มเปลี่ยนภาษาใน Windows 10 เพื่อสลับใช้ ไทย – อังกฤษ ด้วยปุ่มตัวหนอน

1. ไปที่แถบ taskbar คลิกที่ปุ่ม Start > Settings ตามรูปด้านล่าง

 

2. ใน Windows Settings เลือก Time & Language

3. รายการเมนูด้านซ้ายมือคลิกที่ Language ด้านขวามือให้คลิกที่คำว่า Spelling, typing and keyboard settings

4. เลื่อน scroll ลงมาด้านล่างสุดแล้วคลิกเลือก Advanced keyboard settings

5. คลิกเลือกที่คำว่า Language bar options

 

6. คลิกที่แท็บ Advanced key settings และคลิกที่ปุ่ม Change Key Sequence…

7. คลิกเลือก Grave Accent (`) แล้วก็คลิก OK และคลิก OK อีกครั้ง เพื่อบันทึกและจบการตั้งค่า

ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายไปซะทีเดียวที่จะตั้งค่าปุ่มเปลี่ยนภาษาใน Windows 10 เวอร์ชั่นปัจจุบัน v1903+ คนส่วนใหญ่มักจะใช้และคุ้นเคยกับการเปลี่ยนหรือสลับภาษาไทย – อังกฤษ ด้วยปุ่มตัวหนอน (~) หรือ (`) ตั้งแต่เรียนคอมพิวเตอร์มาตอนเด็กๆ ก็ใช้ปุ่มนี้กันทั้งนั้น แต่ก็มักจะเกิดความยุ่งยากตรงที่ว่าบริษัท Microsoft ไม่ได้ทำให้ปุ่มตัวหนอนเป็นปุ่มหลักสากลที่ใช้เพื่อเปลี่ยนภาษามาตั้งแต่ต้น เป็นได้เพียงตัวเลือกรองเท่านั้น เมื่อเราติดตั้ง Windows ก็จะต้องตั้งค่าใหม่ทุกเครื่อง

แม้ว่า Windows แต่ละรุ่นจะมีวิธีการเปลี่ยนที่คล้ายกัน แต่ก็ไม่ได้มีช่องทางสำหรับเข้าไปเปลี่ยนการตั้งค่าที่เหมือนกัน ซึ่งก็ทำให้ผู้ใช้ถึงกับมึนงงหลงทางกันเลยทีเดียว หากเป็น Windows 7 แน่นอนว่ามันง่ายมากแค่หาในหน้าต่างเครื่องมือ Control Panel คลิก 1-2 ทีก็เจอแล้ว พอมาเจอ Windows 8 ถึง Windows 10 รุ่นแลกๆ ก็ยังมีให้เข้าผ่าน Control Panel ได้อยู่เช่นกัน เพียงแต่จะมีคำให้คลิกมองหายากขึ้นอีกหนึ่งชั้น

ส่วนใน Windows 10 รุ่นปัจจุบันนั้นจะตัดการเข้าถึงโดยตรงจาก Control Panel ผู้ใช้จะไม่สามารถมองหาไอคอนคำว่า Language ได้อีก ซึ่งจะถูกเปลี่ยนให้เข้าผ่าน Windows Settings แทน

วิธีการซ่อนไฟล์และโฟลเดอร์ใน Windows 7

บทความนี้จะเป็นความรู้เกี่ยวกับเรื่องของการซ่อนไฟล์และโฟลเดอร์ ใน Windows 7 สำหรับท่านที่ยังใช้คอมพิวเตอร์ไม่ค่อยเป็นหรือไม่รู้วิธีการก็สามารถลองทำตามได้ครับ โดยวิธีการดังต่อไปนี้จะไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของระบบปฏิบัติการใดๆ สำหรับไฟล์ที่ต้องการซ่อนนั้นอาจจะเป็นไฟล์ที่เก็บความลับของท่าน หรือเป็นไฟล์ที่เป็นของระบบที่ท่านไม่อยากเห็นก็ได้ ในที่นี้ผมจะใช้ตัวอย่างเป็นโฟลเดอร์ละกันครับ

ขั้นตอนการซ่อนโฟลเดอร์
1. คลิกขวาที่ Folder แล้วเลือก Properties

พอคลิกแล้วจะมีหน้าต่างปรากฎขึ้นตามภาพด้านล่าง

2. ตรง Attributes ด้านล่างสุดจะมีช่องให้ติ๊กหน้าคำว่า Hidden

3. เมื่อติ๊กแล้ว คลิกที่ปุ่ม Apply จะมีป๊อบอัพขึ้นมาให้เราทำการยืนยันว่าจะเปลี่ยนแปลงเฉพาะ Folder นี้เท่านั้น หรือเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ที่อยู่ข้างใน Folder นี้ด้วย เลือกอันล่าง แล้วคลิกที่ปุ่ม OK และ OK

จะเห็นว่าโฟลเดอร์นั้นมีสีจางลงต่างจากโฟลเดอร์ปกติ

4. ไปที่เมนู Organize มุมซ้ายมือบน คลิกหนึ่งครั้งแล้วเลือก Folder and search options

5. คลิกที่แท็บ View จะเห็นการตั้งค่าต่างๆ จากนั้นมองหา Hidden files and folders และเลือกที่ Don’s show hidden files, folders, or drives แล้วคลิกที่ปุ่ม OK โฟลเดอร์ที่เราติ๊ก hidden ไว้ก็จะถูกซ่อน

สำหรับวิธีการคืนค่าให้คลิกเลือกที่ Show hidden files, folders, and drives และกลับไปแก้ไขโฟลเดอร์หรือไฟล์ที่เราตั้ง hidden ไว้ให้กลับเป็นดังเดิม

แนะนำโปรแกรมซ่อมคอมพิวเตอร์ที่ช่างคอมนิยมใช้

ระบบปฏิบัติการ Windows ที่พวกเรานิยมใช้งานกันอยู่ เป็นระบบปฏิบัติการที่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา จะแก้ไขได้ค่อนข้างยุ่งยาก เนื่องจากระบบช่วยเหลือของตัววินโดวส์เองนั้น ว่ากันตรงๆ คือ ไม่ได้เรื่องสักเท่าไหร่ บางทีระบบมันค้างไปทื่อๆ, บูทเข้า Windows ไม่ได้ หรือบ้างก็เจอกับจอฟ้านรก เอ๋อไปทื่อๆ ที่ทำอะไรไม่ได้ยอกจากรีสตาร์ทเครื่อง
ส่วนใหญ่แล้วพวกนี้มักเกิดจากไฟล์ระบบของวินโดวส์เสียหาย, ไดร์เวอร์มีปัญหา ฯลฯ ซึ่งการแก้ปัญหาเบื้องต้นส่วนใหญ่จะใช้โปรแกรมประเภท Rescue และ Recovery Disks สำหรับ Windows System Restore มาแก้ โปรแกรมที่หยิบมาแนะนำนี้ ส่วนใหญ่พวกช่างซ่อมคอมจะรู้จักกันเป็นอย่างดี และนิยมใช้อยู่แล้ว ก็เอามาฝากเผื่อคนที่ยังไม่รู้นะกัน ว่าปกติแล้วหากเสียที่ซอฟต์แวร์พวกช่างเขาใช้อะไรแก้กัน

หมายเหตุ มันไม่ใช่โปรแกรมประเภทใส่แผ่นกด Next รัวๆ แล้วคอมจะหายเสียนะครับ มันเป็นโปรแกรมที่เหมือนรวมเครื่องมือซ่อมเอาไว้เฉยๆ แต่จะใช้เครื่องมือตัวไหน ซ่อมอย่างไร อันนั้นเราต้องเป็นคนดำเนินการเอง

Hiren’s BootCD PE x64

Hiren’s BootCD หรือที่บ้านเรานิยมเรียกติดปากว่าแผ่นไฮเรน เป็นโปรแกรมเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมานานมาก และมีการอัปเดทอย่างต่อเนื่อง เวอร์ชั่นสุดท้ายอย่างเป็นทางการได้ปล่อยออกมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2012 โน่นเลย แต่ด้วยความที่ของมันดี จึงมีแฟนๆ ช่วยกันสานต่อ นำมาพัฒนาออกมาเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด คือ Hiren’s BootCD PE x64 v1.0.1 ที่ปล่อยออกมาเมื่อ 21 มิถุนายน 2561

โปรแกรม Hiren’s BootCD แม้ชื่อจะมีคำว่า CD แต่เขาก็มีเวอร์ชั่น USB Booting ให้ใช้งานนะ ปรับตัวตามยุคที่คอมพิวเตอร์สมัยนี้ไม่นิยมใส่ไดร์ฟ CD/DVD มาให้แล้ว ตัวโปรแกรมมีความสามารถมุ่งเน้นไปที่การซ่อมแซมไฟล์ Windows systems และเต็มไปด้วยเครื่องมือจำนวนมากให้ใช้งาน อย่างเช่น ตัวสแกน Malware และ Rootkit, โปรแกรมสแกนไวรัส, ล้างไฟล์ขยะ, สำรองไดร์เวอร์, ตรวจสอบฮาร์ดแวร์, จัดการพาร์ทิชั่นของฮาร์ดดิสก์, กู้คืน และสำรองไฟล์ หรือมีแม้แต่ที่ถอดรหัสผ่าน แถมเรายังสามารถใช้ Hiren’s BootCD ในการกู้คืน BIOS หรือล้าง CMOS ได้อีกด้วย

Hiren’s BootCD เวอร์ชั่นล่าสุดจะพัฒนาบนพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Windows 10 preinstallation Environment (PE) ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้ทรัพยากรต่ำ ทำออกมาเพื่อใช้ช่วยซ่อมแซมตัวระบบปฏิบัติการร่วมกับ เครื่องมือตัวอื่นๆ

Kyhi’s Recovery Drive

Kyhi’s Recovery Drive เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมยอดนิยมในการซ่อมแซม Windows 10 เครื่องมือตัวนี้พัฒนาโดยสมาชิกในบอร์ด TenForum ที่เอา Windows 10 PE มาพัฒนา

ใน Kyhi’s Recovery Drive มีเครื่องมือสำหรับทำ System restore และ Recovery ใส่มาให้เพียบ (ลองดูจากภาพด้านบนได้) เครื่องมือที่ให้ไม่แตกต่างจาก Hiren’s BootCD มากนัก แต่ที่ทำให้คนชอบก็เพราะขั้นตอนการเข้าโปรแกรมที่ง่าย ใกล้เคียงกับการติดตั้ง Windows 10 เลยล่ะ

The Ultimate Boot CD

โปรแกรมนี้คลายคลึงกับ Hiren’s BootCD แต่มันรองรับการแก้ปัญหาได้ทั้ง Windows และ Linux มีเครื่องมือช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับ System และมีเครื่องมือสำหรับโคลนฮาร์ดดิสก์, กู้คืนข้อมูล, ทดสอบการทำงานของฮาร์ดแวร์ และตรวจสอบพาร์ทิชั่นให้ใช้งาน

ทางผู้พัฒนาระบุว่าตั้งใจให้ Ultimate Boot CD เป็นโปรแกรมที่รววบรวมเครื่องมือช่วยเหลือเอาไว้ให้ครอบคลุมที่สุดภายในซีดีแผ่นเดียว ซึ่งเราคิดว่ามันก็ทำได้เกือบสมบูรณ์แบบแล้วนะ

Knoppix

ในขณะที่เครื่องมือช่วยสร้าง GUI ให้ผู้ใช้แก้ไขกับปัญหาได้ง่ายๆ แต่ Knoppix แตกต่างออกไป มันเป็นระบบปฏิบัติการ Linux สำหรับติดตั้งลงไปในเครื่องที่ระบบมีปัญหาเพื่อเข้าไปจัดการอย่างละเอียด

ระบบปฏิบัติการ Knoppix มาพร้อมกับซอฟต์แวร์สำหรับการแก้ปัญหาอีกกว่า 1,000 โปรแกรม คือ มีทุกอย่างที่คุณจะต้องใช้เตรียมไว้ให้แน่ๆ นอกจากนี้ มันยังมีเวอร์ชั่นแบบ DVD ใช้ชื่อว่า Maxi ที่มาพร้อมกับซอฟต์แวร์กว่า 2,600 โปรแกรม

Windows Recovery Disk ที่มาพร้อมกับ Windows

ใน Windows 10 มีเครื่องมือทำแผ่นซ่อมแซมวินโดวส์แบบพื้นฐานให้ด้วยนะ ทำไม่ยาก แค่กด Start แล้วพิมพ์เพื่อค้นหาว่า Recovery Drive เปิดโปรแกรมขึ้นมา แล้วทำตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ จนเสร็จ

แนะนำ ฟรี 5 โปรแกรมล้างไฟล์ REGISTRY ช่วยให้ WINDOWS ทำงานได้ดีขึ้น

ไฟล์ใน Windows Registry เป็นไฟล์ที่มีความซับซ้อน ยากต่อการจัดการด้วยตัวเอง ซึ่งในนั้นมีไฟล์ที่สำคัญหลายตัวที่ระบบวินโดวส์ใช้ในการทำงาน ซึ่งหากมีไฟล์เสียหาย บางทีอาจจะทำให้ระบบปฏิบัติการรวนจนถึงขั้นใช้งานไม่ได้เลยทีเดียว

ทั้งนี้ เวลาที่เราติดตั้งโปรแกรมต่างๆ ลงไปในเครื่อง ส่วนใหญ่ก็จะมีการติดตั้งไฟล์เข้าไปใน Registry ด้วย ปัญหา คือ เมื่อเราเลิกใช้โปรแกรม และลบออกจากเครื่องไปแล้ว ส่วนใหญ่ไฟล์ Registry มักไม่ถูกลบตามไปด้วย แต่จะกองสะสมเป็นไฟล์ขยะอยู่ในเครื่อง ซึ่งบางทีมันอาจจะมีปัญหากับไฟล์ Registry ของโปรแกรมใหม่ที่เพิ่มเข้าไปภายหลังได้ เราจึงควรลบ Registry ที่ไม่ใช้งานแล้วออกจากเครื่องไปบ้าง

แต่ด้วยความที่ระบบไฟล์ Registry มันค่อนข้างซับซ้อน จึงมีผู้พัฒนาโปรแกรมสำหรับล้างไฟล์ Registry ออกมาให้ใช้งานกัน ซึ่งเราได้เลือกมาแนะนำ 5 โปรแกรม โดยทั้งหมดเราสามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรี

Comodo PC TuneUp
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม Comodo PC TuneUP
Comodo PC TuneUp เป็นโปรแกรมจัดการ Registry แบบ All-in- one ไม่ได้ทำได้แค่ล้างไฟล์แต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถซ่อมไฟล์ Registry ได้ด้วย

โปรแกรมจะตรวจจับหาปัญหาใหญ่ๆ ภายใน Registry และทำการแก้ไขไฟล์เสียให้อัตโนมัติ ตัวโปรแกรมพัฒนาโดย Comodo บริษัทที่มีชื่อเสียงด้านระบบรักษาความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์

JetClean
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม JetClean
JetClean เป็นโปรแกรมขนาดเล็ก ที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบา มีเครื่องมือให้ใช้งานอย่างครบครัน

JetClean มีเครื่องมือในการทำความสะอาดอยู่ 4 ตัว ให้เลือกใช้ Windows clean สำหรับล้างไฟล์ขยะในระบบ, Apps clean สำหรับล้างไฟล์ขยะที่เกิดจากการติดตั้งโปรแกรม, Shortcuts clean สำหรับลบชอทคัทของไฟล์และในเมนู Start ที่ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว และ RAM clean สำหรับล้างหน่วยความจำ

นอกเหนือจากนี้ยังมีลูกเล่นในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ Windows อย่าง Startup optimization, Internet booster, Performance booster ตัวโปรแกรมสามารถสร้างเป็นเวอร์ชั่น Portable สำหรับเก็บไว้ใน USB drive ได้ด้วย

Wise Registry Cleaner
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม Wise Registry Cleaner

Wise Registry Cleaner เป็นโปรแกรมแบบทูอินวันที่มาทั้งความสามารถในการล้างไฟล์ Registry และจูนระบบวินโดวส์ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น

หน้าตาของโปรแกรมนี้มีความเรียบง่าย สะดวกต่อการใช้งาน มีความสามารถที่โดดเด่น คือ Registry defragmenter ที่ช่วยจัดเรียงไฟล์ใน Windows Registry ให้เป็นระเบียบ

โปรแกรมนี้สามารถอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่น Pro ได้ด้วยในราคา $20 (ประมาณ 670 บาท) และมีค่าต่ออายุปีละ $15 (ประมาณ 500 บาท) ซึ่งจะเพิ่มความสามารถในการล้างไฟล์แบบ Multi-user, ตั้งเวลาในการทำงานของโปรแกรมได้ล่วงหน้า และมีตัวเลือกเพิ่มเติมในการตั้งค่าบูทของระบบคอมพิวเตอร์

Auslogics Registry Cleaner
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม Auslogics Registry Cleaner

Auslogics Registry Cleaner เป็นเพียงโปรแกรมเดียวในทิปส์นี้ ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับ Registry เพียงอย่างเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่ประสิทธิภาพในการทำงานของมันจะค่อนข้างดี แถมยังใช้งานง่ายอีกด้วย

ทั้งนี้โปรแกรมนี้ ตอนติดตั้งต้องระวังนิดนึง มันจะมีคำขอร้องให้ตั้ง Yahoo เป็นหน้าแรกในเว็บเบราว์เซอร์ให้เราปฏิเสธไป และมีขอติดตั้ง Auslogics Driver Updater ให้เราติ๊กออกครับ

ด้านการทำงาน Auslogics Registry Cleaner จะมีการสำรองข้อมูลไฟล์ทุกครั้งก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลง ทำให้เราสามารถกู้คืนไฟล์กลับมาใหม่ได้ในกรณีที่เครื่องมีปัญหาหลังจากการล้างไฟล์ Registry

CCleaner

คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม CCleaner

โปรแกรมยอดนิยมขวัญใจคนไทย ใช้ง่าย ลูกเล่นเพียบ อย่างไรก็ตามเรารู้สึกว่าบางครั้งการทำงานของมันออกจะรุนแรงไปหน่อย บางไฟล์ที่ถูกลบไปแล้ว จะไม่สามารถกู้กลับมาได้อีีก แต่ถ้าใช้อย่างระวังๆ ก็ถือว่าเป็นโปรแกรมที่มีความครบเครื่องมากเลยล่ะ

เวอร์ชั่นฟรี ก็เพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐานทั่วไป แต่ถ้าต้องการใช้งานเวอร์ชั่น Pro ก็จ่ายเพิ่มอีก $25 (ประมาณ 835 บาท) ก็จะมีความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างเช่น ตั้งเวลาการทำความสะอาดล่วงหน้า, ตรวจจับระบบแบบเรียลไทม์ และมีระบบอัพเดทโปรแกรมอัตโนมัติ

แนะนำการใช้งาน “Store” สำหรับดาวน์โหลดโปรแกรม/แอพต่างๆ บน Windows 10

ตั้งแต่ Windows 8 เป็นต้นมา ไมโครซอฟท์ได้เพิ่มฟีเจอร์ Store หรือศูนย์ร่วมสำหรับดาวน์โหลดโปรแกรมและแอพต่างๆ ในกับ Windows (เช่นเดียวกับ App Store ของ iOS หรือ Google Play ของ Android) จนมาถึง Windows 10 ไมโครซอฟท์ก็ยังชู Store ให้มีความโดดเด่นเช่นเดียวกับฟีเจอร์อื่นๆ ซึ่งในตอนนี้ผมจะพามารู้จักและแนะนำการใช้งาน Store ของ Windows 10 กันครับ

การเข้า Store ของ Windows 10 ทำได้หลายวิธีครับ ที่ง่ายที่สุด คือคลิกที่ไอค่อนรูปกระเป๋าลายวินโดวส์สีขาวๆ ที่อยู่ตรง taskbar หรือจะกดปุ่ม Start เพื่อคลิกที่ป้าย Store ก็ได้ครับ

เมื่อเปิดหน้าต่าง Store มาแล้วก็จะพบกับหน้าแนะนำแอพเด่นๆ แอพที่มาใหม่ หรือแอพที่ได้รับความนิยมสูงสุด เป็นต้น เช่นเดียวกับ App Store ของแพลตฟอร์มอื่นๆ

สามารถดูรายละเอียดหรือภาพตัวอย่างเกียวกับแอพนั้นๆ ได้

การดาวน์โหลดแอพจาก Store ต้องทำการล็อกอินด้วย Microsoft Account (Hotmail/Outlook/MSN และอื่นๆ) ก่อนครับ คลิกที่สัญญลักษ์รูปคนที่มุมขวาบน (ดังภาพ) แล้วกด Sign in

เมื่อล็อกอินเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราจะสามารถดาวน์โหลดแอพต่างๆ จาก Store ได้ทันทีครับ ยกตัวอย่างเช่น ต้องการดาวน์โหลดแอพ Twitter ก็สามารถค้นหาตามหมวดหมู่ หรือพิมพ์ชื่อแอพที่ต้องการได้เลยครับ

กำลังดาวน์โหลดและติดตั้งแอพ…

เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว เราสามารถเรียกใช้งานแอพนั้นๆ ได้จาก Start Menu > All Apps

ทดสอบเปิดแอพ Twitter ที่เพิ่งดาวน์โหลดมา

สำหรับ Store ของ Windows 10 นั้นยังมีส่วนที่ให้เราสามารถจัดการและควบคุมแอพต่างๆ ทั้งหมดได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งให้อัพเดท หรือการถอนการติดตั้ง

การสั่งอัพเดทแอพก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงคลิกไปที่สัญลักษณ์ที่เป็นลูกศรชี้ลง (อยู่ตรงมุมขวาบน) จากนั้นก็จะเจอรายการแอพที่มีอัพเดทครับ สามารถกดอัพเดทได้เลย

การถอนการติดตั้งแอพ สามารถทำได้อีกวิธี คือไปคลิกขวาที่แอพนั้นๆ บนปุ่ม Start แล้วคลิกที่ Uninstall ครับ

สำหรับสิ่งที่แตกต่างระหว่างแอพใน Windows 8 กับ Windows 10 ก็คือ ใน Windows 10 แอพจะรันบนเดสก์ท็อป ดังนั้นเราจึงสามารถจัดการแอพต่างๆ ได้แบบหน้าต่าง สามารถเปิดใช้งานหลายแอพได้พร้อมกัน ไม่เหมือนของ Windows 8 ที่จะเปิดแอพได้ที่ละแอพในหน้า Start Screen เท่านั้น

ลง Windows ใหม่ต้องติดตั้งโปรแกรมที่จำเป็น มีอะไรบ้าง ?

หลังจากที่เราติดตั้ง Windows ใหม่เสร็จแล้ว ควรจะทำอะไรต่อไปบ้าง สิ่งแรกที่หลายๆ คนควรทำก่อนก็คือการอัพเดทระบบปฏิบัติการ Windows ให้เป็นรุ่นล่าสุดครับ เพราะการอัพเดทนี้สามารถช่วยปรับปรุงแก้ไขการทำงานที่ผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นในระบบ ทำให้ระบบรองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์หรือฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ๆ ได้ รวมทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยปิดกั้นช่องโหว่จากการบุกรุกทางออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ตได้ในระดับหนึ่ง

จากนั้นจะเป็นการตั้งค่าส่วนต่างๆ เช่น การตั้งค่าปุ่มสลับภาษา ตั้งค่าเวลา และตั้งค่าไอคอนหลักให้แสดงบนหน้าเดสก์ท็อป เป็นต้น ซึ่งส่วนนี้จะทำก่อนหรือหลังก็ได้ครับ และท้ายสุดจะเป็นการติดตั้งโปรแกรมพื้นฐานที่จำเป็นต่อการใช้งาน “ต้องติดตั้งโปรแกรมที่จำเป็นมีอะไรบ้าง” โดยจะแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ทั้งจำเป็นต้องมีหรือมีติดไว้ก็เผื่อใช้งานก็ได้ดังนี้ครับ

โปรแกรมที่จำเป็นต้องใช้เมื่อ ลง Windows ใหม่ (แนะนำ)
1. โปรแกรมอัพเดตไดรเวอร์ เป็นโปรแกรมแรกที่ควรติดตั้งหลังจากที่เราอัพเดตระบบปฏิบัติการเป็นรุ่นล่าสุดไปแล้ว เพราะไดรเวอร์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การทำงานของอุปกรณ์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยลดการทำงานที่ผิดพลาดซึ่งอาจเกิดจากรุ่นของไดรเวอร์ที่ล้าสมัย

*Driver Booster คือหนึ่งในโปรแกรมฟรีที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยใช้มา สามารถสแกนหาไดรเวอร์ของอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหมดได้อย่างทั่วถึง และให้เราอัพเดตไดรเวอร์ทั้งหมดเพียงคลิกเดียว นอกจากนี้โปรแกรม Driver Booster ยังมีรุ่น Pro ที่สนับสนุนผู้ใช้งานด้วยคุณสมบัติพิเศษอีกมากมาย แต่สำหรับการใช้ไม่บ่อยครั้งแค่รุ่นฟรีก็พอแล้ว
*Graphics Driver ไดรเวอร์การ์ดจอของแต่ละค่าย สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีการ์ดจอรวม การ์ดจอแยกต่างหาก ทั้ง Intel, NVIDIA หรือ AMD ควรหามาติดตั้งให้ตรงรุ่นด้วยครับ
2.โปรแกรมบีบอัดไฟล์และแตกไฟล์ เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่มีความจำเป็นต้องใช้ เพราะในบางกรณีที่เราดาวน์โหลดไฟล์ที่มีการบีบอัดด้วยนามสกุล .zip หรือ .rar โปรแกรมที่ใช้อย่างเช่น WinZip, WinRAR, 7-Zip ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่ช่วยในการจัดการด้านนี้

*WinZip (ฟรีทดลองใช้) โปรแกรมมาตรฐานในด้านการบีบอัดไฟล์นามสกุล .zip โดยจะใช้งานคุณสมบัติพิเศษได้เพียง 21 วัน หลังจากนั้นเราจะยังคงใช้งานได้ปกติในคุณสมบัติพื้นฐาน
*WinRAR (ฟรีทดลองใช้) โปรแกรมที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานเลือกใช้มากที่สุดในมาตรฐานการบีบอัดไฟล์นามสกุล .rar สามารถใช้งานโปรแกรมคุณสมบัติพิเศษได้ 40 วัน หลังจากนั้นยังสามารถใช้งานได้ตามปกติในคุณสมบัติพื้นฐาน
*7-Zip (ฟรี) โปรแกรมสามารถใช้งานในการบีบอัดไฟล์และแตกไฟล์ นามสกุลมาตรฐานของโปรแกรมคือ .7z และรองรับการแตกไฟล์ .zip, .rar ได้ด้วยเช่นกัน
3.โปรแกรมด้านความปลอดภัย ติดตั้งไว้อุ่นใจกว่า โปรแกรมแอนตี้ไวรัส หรือโปรแกรมป้องกันไวรัส ปัจจุบันมีแบบใช้งานฟรีมากมาย (หรือยอมเสียเงินหน่อยซื้อโปรแกรมดีๆ ที่ใช้รายปีไม่แพงก็คุ้มค่าครับ) หาเลือกมาติดตั้งสักหนึ่งตัวไม่เกินนี้ หากมีเยอะก็ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราช้าลงได้ครับ เพราะโปรแกรมประเภทนี้มักจะทำงานแบบเรียลไทม์ ซึ่งใช้งาน CPU และ RAM อยู่บ้าง แต่ยังสามารถใช้ร่วมกับโปรแกรมแอนตี้มัลแวร์ได้ซึ่งโปรแกรมนี้จะช่วยปกป้องคอมพิวเตอร์ของเราจากมัลแวร์ชนิดที่มากับเว็บไซต์ การคลิกลิงค์อันตราย และมากับไฟล์ที่ดาวน์โหลด การทำงานก็จะคนละหน้าที่กับโปรแกรมแอนตี้ไวรัส

*Avast Free โปรแกรมป้องกันไวรัสฟรีที่ได้รับความนิยมสูง แต่ก็ยังมีคู่แข่งจากค่ายอื่นๆ ที่แม้จะไม่ฟรีแต่ก็มีคนยอมจ่ายเงินเพื่อใช้ เช่น Kaspersky, ESET NOD32 เป็นต้น
*Malwarebytes เป็นโปรแกรมแอนตี้มัลแวร์ที่ใช้งานฟรี ใช้เมื่อต้องใช้ไม่ใช่โปรแกรมที่ป้องกันตลอด 24 ชั่วโมง (ต้องอัพเกรดถึงจะใช้แบบเรียลไทม์ได้) สแกนได้ทั่วถึงและครอบคลุม แต่บางกรณีก็ต้องดาวน์โหลดตัวอื่นมาใช้เป็นครั้งคราวอยู่ดี
4.โปรแกรมเบราว์เซอร์ สำหรับท่องเว็บไซต์ผ่านอินเทอร์เน็ต ด้วยความเคยชินที่คนส่วนใหญ่มักจะมีเบราว์เซอร์ที่ใช้ประจำอยู่แล้ว พอเปลี่ยนไปใช้เบราว์เซอร์อื่นแล้วก็จะไม่ค่อยถูกใจ รู้สึกแปลกๆ ทั้งๆ ที่หน้าการใช้ทุกอย่างแทบจะเหมือนกัน บางคนไม่ว่าจะอะไรก็ใช้หมด แต่ก็ยังมีคำพูดที่ว่า เปิด Microsoft Ege เพียงไว้เพื่อโหลดเบราว์เซอร์อื่นมาติดตั้งเท่านั้น ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่ควรดูถูกกันเกินไป

*Google Chrome เป็นเบราว์เซอร์ที่เปิดคอมเครื่องไหนก็เจอแทบทุกเครื่อง ทั้งๆ ที่ตอนติดตั้ง Windows ก็ไม่ได้ติดมาด้วยสักหน่อยแน่นอนอยู่แล้วครับหากไม่มีคนใช้มันก็ไม่โผล่มาให้เห็น เบราว์เซอร์ยอดนิยมใช้ร่วมกับการค้นหาของ Google Search ได้สะดวกสบาย ส่วนในด้านการทำงานนั้นถ้าสังเกตเบราว์เซอร์นี้ยิ่งสเปคเครื่องแรงขึ้นมันก็จะใช้ทรัพยากรเครื่องเรามากขึ้นตามไปด้วย
*Mozilla Firefox เป็นเบราว์เซอร์ที่เห็นอยู่ปะปราย จะมีก็เฉพาะคนที่ใช้อีกเช่นกัน แต่ก็เป็นเบราว์เซอร์ที่โด่งดังอีกหนึ่งตัว ในเครื่องอาจจะมีทั้ง Chrome และ Firefox
5.โปรแกรมจัดการเอกสาร เป็นโปรแกรมที่ขาดไม่ได้เพราะไฟล์เอกสารต่างๆ ล้วนแต่ต้องใช้โปรแกรมด้านนี้เปิดดู อ่าน หรือแก้ไขกันทั้งนั้น ดังนั้นผมจึงไม่แนะนำโปรแกรมอื่นนอกจาก

*Microsoft Office 2010 ขึ้นไป (ต้องซื้อ License) ถ้าใช้รุ่นที่ต่ำกว่านี้เวลานำมาเปิดกับรุ่นที่สูงกว่ามักจะเพี้ยน หรือใครที่คิดว่าใช้โปรแกรมฟรีทดแทนได้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกครับ แต่เวลาเอามาเปิดกับ Microsoft Office โดยเฉพาะโปรแกรม Microsoft Word แล้ว มันก็จะแสดงผลออกมาเพี้ยนหน่อย แต่ก็ไม่เป็นทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าต้นฉบับที่พิมพ์มานั้นจัดหน้าแปลกๆ หรือวางตำแหน่งซับซ้อนเกินไปหรือเปล่า
*โปรแกรมอ่านไฟล์ PDF ปัจจุบันนี้ไม่ต้องใช้โปรแกรมช่วยอ่านเลยก็ได้ เพราะไฟล์ PDF สามารถเปิดดูผ่านเบราว์เซอร์ได้เลย และอีกอย่างใครที่ต้องการสร้างไฟล์ PDF ก็แทบจะไม่ต้องใช้โปรแกรมสร้าง PDF อีกเช่นกันเพราะโปรแกรมสมัยใหม่รองรับการบันทึกเป็นไฟล์ PDF ได้หมดแล้ว จึงไม่นับว่าจำเป็นต้องมีก็ได้
6.โปรแกรมแต่งรูป เรียกว่าก้ำกึ่งระหว่างคำว่า “จำเป็นต้องมี” กับ “ควรติดตั้ง” เพราะเป็นโปรแกรมที่ใช้ไม่เป็นไม่มีก็ได้ หรือติดตั้งไว้เผื่อได้ใช้ โปรแกรมประเภทนี้มีให้เลือกใช้มากมายทั้งใช้งานแบบขั้นสูงสำหรับคนที่ชอบแต่งรูปด้วยความสามารถตอนตนเอง หรือโปรแกรมสำเร็จรูปที่มีตัวอย่างฟิลเตอร์ โทนสี สไตล์ อาร์ตๆ รูปแบบการจัดวางต่างๆ เพียงไม่กี่คลิกก็สวยดั่งใจปรารถนา

*Photoshop (ไม่ฟรี ทดลองใช้ 30 วัน) อันดับหนึ่งโปรแกรมยอดนิยมที่ใช้งานได้หลากหลายฟังก์ชั่น สารพัดงานการแต่งจบได้ภายในโปรแกรมเดียว
*Photoscape (ฟรี) ถึงจะฟรีแต่ก็มีประสิทธิภาพ สามารถใช้แต่งรูปออกมาได้อย่างมีระดับ มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่รองรับความต้องการที่หลากหลาย
*XnRetro (ฟรี) โปรแกรมสำเร็จรูปที่มีฟิลเตอร์หลากหลายสไตล์ เช่น
ย้อนยุค วินเทจ การเล่นแสง และ ใส่กรอบ
7.โปรแกรมด้านความบันเทิง เอาไว้สำหรับเปิดไฟล์วิดีโอ ไฟล์เสียง แม้ว่าบางคนจะไม่เคยเปิดใช้เลยก็ตาม ด้วยปัจจุบันที่อินเทอร์เน็ตไวมากหาดูหาฟังแบบออนไลน์ได้สบาย แต่บางครั้งมันก็ต้องมีบ้างที่จำเป็นต้องใช้ดังนั้นติดตั้งไว้ดีกว่าไม่มีแนะนำว่ามีอย่างน้อย 2 โปรแกรมครับ

*GOM Media Player หรือ KMPlayer ก็ได้ โปรแกรมฟรีสำหรับใช้ดูหนัง เล่นไฟล์วีดีโอ
*VLC Media Player หรือ K-Lite Codec ก็ได้ โปรแกรมฟรีสำหรับใช้ดูหนัง เล่นไฟล์วิดีโอ
*AIMP หรือ GOM Audio โปรแกรมฟังเพลงฟรี จัดคิวเพลง (อาจไม่จำเป็น)
8.โปรแกรมทำความสะอาดเครื่อง ถูกนับเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่จำเป็นต้องใช้หรือควรมีติดไว้ในเครื่อง เพราะว่าประโยชน์ของโปรแกรมประเภทนี้จะช่วยให้คอมพิวเตอร์ของเรามีสุขภาพดี!! ช่วยลบขยะที่เกิดขึ้นทุกวันจากการใช้งานของเรา ขยะที่เกิดจากการบันทึกชั่วคราว ไฟล์รูปภาพ ไฟล์เท็ก ไฟล์แคชต่างๆ ช่วยให้คอมพิวเตอร์เร็วขึ้นเล็กน้อย และช่วยให้พื้นที่เก็บข้อมูลว่างมากยิ่งขึ้น

*CCleaner โปรแกรมเดียวเอาอยู่ เป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพในการทำงาน ได้รับความนิยมจากผู้ใช้จำนวนมาก ใช้งานง่ายเพียงแค่คลิกปุ่ม Run Cleaner โปรแกรมก็จะทำการสำรวจทรัพยากรส่วนเกินในแต่ละจุดที่เป็นขยะ จากนั้นก็ทำการล้างข้อมูลทิ้งไป รับประกันได้ว่าไม่มีผลกระทบกับการทำงานของระบบปฏิบัติการ หากใครมีโปรแกรมที่เคยใช้อยู่แล้ว หรือดีกว่าก็ไม่ว่ากัน ผมแค่แนะนำ
ส่วนโปรแกรมอื่นๆ นอกเหนือจากที่ได้ยกมาแนะนำในบทความนี้ อาจจะมีอีกมากมายที่ต่างคนต่างเลือกใช้ตามความเหมาะสม และยังมีโปรแกรมอีกหลายๆ กลุ่มที่ผมไม่ได้พูดถึงเพราะมันไม่จำเป็นต้องมีไว้ก่อน หากอยากได้ตอนไหนก็สามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งเมื่อไหร่ก็ได้ใช้เวลาไม่นานครับ

รู้ไหมว่า Windows 10 มีโปรแกรมตัดต่อวีดีโอฟรีในตัว ด้วย Story Remix

หากพูดถึงซอฟต์แวร์ตัดต่อวีดีโอฟรีจาก Microsoft ก็คงจะนึกถึงโปรแกรมเก่าอย่าง Windows Movie Maker ที่นำมาตัดต่อแล้วแชร์ขึ้น Youtube หรือ โพสต์ลงโซเชียลต่างๆแต่ก็เป็นโปรแกรมเก่าหลายปีแล้วก็ยังได้รับความนิยมอยู่ แต่คุณทราบหรือไม่ว่า Microsoft มีโปรแกรมตัดต่อวีดีโอแบบใหม่ให้คุณแล้ว และไม่ต้องโหลดอะไรเพิ่ม เพราะอยู่ในตัว Windows 10 รุ่นใหม่ล่าสุดนั่นเอง มีชื่อว่า Story Remix นั่นเอง และมีมาตั้งแต่ปี 2017 มาแล้ว หรือยุค Windows 10 Creator Update

แน่นอนคุณจะหา Search แอปนั้นไม่เจอ เพราะฟีเจอร์นี้อยู่ในส่วนของแอป Photos นั่นเอง นั่นหมายความว่า ทันทีที่คุณ copy ไฟล์ภาพหรือวีดีโอบนคอม จัดการเป็นโฟลเดอร์เรียบร้อย สามารถที่จะเรียกโฟลเดอร์นั้นผ่านทางแอป Photos มาทำเป็นวีดีโอได้ทันที

การตัดต่อด้วยตัวใหม่นั้นไม่ยากเลย ใช้กระบวนการ AI วิเคราะห์รูปและวีดีโอ จัดเรียง ใส่เพลง ใส่ฟิลเตอร์เสร็จสรรพพร้อม export เป็นคลิปได้เลย ไม่ต้องตัดต่อทีละคลิปด้วยตนเองเหมือนแต่ก่อน หากไม่พอใจเปลี่ยนเพลง ก็ปรับเวลาปรับคลิปให้จบพอดีอัตโนมัติได้ ที่สำคัญรองรับการใส่งาน 3 มิติ ลงภายในตัววีดีโอได้ด้วย ทั้งนี้แนะนำให้ทำการอัปเดต Windows 10 ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดก่อน แล้วจะได้ตัวตัดต่อวีดีโอ Story Remix บนแอป Photos ให้ด้วย

” ทั้งนี้เก่าสุดก็เป็น Windows 10 Creator Update ซึ่งสังเกตง่ายๆคือ Windows 10 ต้องมีแอป Paint 3D มาด้วย ”

ในครั้งต่อไปจะมาเจาะลึกการใช้งานซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอตัวใหม่จาก Windows 10 กัน ลองชมตัวอย่างซอฟต์แวร์ตัดต่อวีดีโอบน Windows 10 ไปก่อนว่าเด็ดขนาดไหน ใครใช้เวอร์ชั่นที่เก่ากว่า Windows 10 Creator Update อยู่ สามารถอัปเดตเป็น Windows 10 April 2018 เพราะเป็น Windows 10 เวอร์ชั่นล่าสุด

แนะนำการใช้งาน “Store” สำหรับดาวน์โหลดโปรแกรม/แอพต่างๆ บน Windows 10

ตั้งแต่ Windows 8 เป็นต้นมา ไมโครซอฟท์ได้เพิ่มฟีเจอร์ Store หรือศูนย์ร่วมสำหรับดาวน์โหลดโปรแกรมและแอพต่างๆ ในกับ Windows (เช่นเดียวกับ App Store ของ iOS หรือ Google Play ของ Android) จนมาถึง Windows 10 ไมโครซอฟท์ก็ยังชู Store ให้มีความโดดเด่นเช่นเดียวกับฟีเจอร์อื่นๆ ซึ่งในตอนนี้ผมจะพามารู้จักและแนะนำการใช้งาน Store ของ Windows 10 กันครับ

การเข้า Store ของ Windows 10 ทำได้หลายวิธีครับ ที่ง่ายที่สุด คือคลิกที่ไอค่อนรูปกระเป๋าลายวินโดวส์สีขาวๆ ที่อยู่ตรง taskbar หรือจะกดปุ่ม Start เพื่อคลิกที่ป้าย Store ก็ได้ครับ

เมื่อเปิดหน้าต่าง Store มาแล้วก็จะพบกับหน้าแนะนำแอพเด่นๆ แอพที่มาใหม่ หรือแอพที่ได้รับความนิยมสูงสุด เป็นต้น เช่นเดียวกับ App Store ของแพลตฟอร์มอื่นๆ

สามารถดูรายละเอียดหรือภาพตัวอย่างเกียวกับแอพนั้นๆ ได้

การดาวน์โหลดแอพจาก Store ต้องทำการล็อกอินด้วย Microsoft Account (Hotmail/Outlook/MSN และอื่นๆ) ก่อนครับ คลิกที่สัญญลักษ์รูปคนที่มุมขวาบน (ดังภาพ) แล้วกด Sign in

เมื่อล็อกอินเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราจะสามารถดาวน์โหลดแอพต่างๆ จาก Store ได้ทันทีครับ ยกตัวอย่างเช่น ต้องการดาวน์โหลดแอพ Twitter ก็สามารถค้นหาตามหมวดหมู่ หรือพิมพ์ชื่อแอพที่ต้องการได้เลยครับ

กำลังดาวน์โหลดและติดตั้งแอพ…

เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว เราสามารถเรียกใช้งานแอพนั้นๆ ได้จาก Start Menu > All Apps

ทดสอบเปิดแอพ Twitter ที่เพิ่งดาวน์โหลดมา

สำหรับ Store ของ Windows 10 นั้นยังมีส่วนที่ให้เราสามารถจัดการและควบคุมแอพต่างๆ ทั้งหมดได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งให้อัพเดท หรือการถอนการติดตั้ง

การสั่งอัพเดทแอพก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงคลิกไปที่สัญลักษณ์ที่เป็นลูกศรชี้ลง (อยู่ตรงมุมขวาบน) จากนั้นก็จะเจอรายการแอพที่มีอัพเดทครับ สามารถกดอัพเดทได้เลย

การถอนการติดตั้งแอพ สามารถทำได้อีกวิธี คือไปคลิกขวาที่แอพนั้นๆ บนปุ่ม Start แล้วคลิกที่ Uninstall ครับ

สำหรับสิ่งที่แตกต่างระหว่างแอพใน Windows 8 กับ Windows 10 ก็คือ ใน Windows 10 แอพจะรันบนเดสก์ท็อป ดังนั้นเราจึงสามารถจัดการแอพต่างๆ ได้แบบหน้าต่าง สามารถเปิดใช้งานหลายแอพได้พร้อมกัน ไม่เหมือนของ Windows 8 ที่จะเปิดแอพได้ที่ละแอพในหน้า Start Screen เท่านั้น