โปรแกรมพื้นฐานที่จำเป็นใน Windows 10 / 8.1 / 7 นิยมดาวน์โหลดมาใช้

หลังจากติดตั้ง Windows เสร็จแล้ว สิ่งที่ต้องทำหลังจากตั้งค่าระบบ Windows ก็คือการติดตั้งโปรแกรมที่จำเป็นใช้งานใน Windows บทความนี้จึงเอาซอฟต์แวร์พื้นฐานที่ต้องใช้งานใน Windows 10 และ Windows 8.1 / 7 มาให้เลือกไปใช้งานกันครับ โดยที่จะเอามาแนะนำก็เป็น โปรแกรมพื้นฐาน ที่ปกติเมื่อผมลง Windows 10 ให้เครื่องลูกค้าเสร็จจะต้องติดตั้งไว้ให้อยู่แล้วครับ ส่วนถ้าลูกค้าต้องใช้โปรแกรมอะไรเพิ่มเติมก็ค่อยติดตั้งให้ครับ

แนะนำโปรแกรมพื้นฐานที่จำเป็นใน Windows
โดยปกติเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Windows แบบ clean install หลังจากที่ติดตั้งเสร็จก็ต้องลงซอฟต์แวร์ต่อ แต่ถ้าเป็นการลงแบบ Ghost แบบที่โคลนมาก็จะมีโปรแกรมให้พร้อมเลยที่ร้านซ่อมคอมฯ ส่วนใหญ่มักจะลงให้ลูกค้า เพราะประหยักเวลา ซึ่งโปรแกรมที่มาพร้อม Windows แบบ Ghost ก็จะมีทั้งที่ใช้งานและไม่ใช้งาน หรือบางโปรแกรมเรายังไม่เคยใช้งานและอาจจะไม่รู้จักด้วยซ้ำ ดังนั้นการติดตั้ง Windows ที่ดีที่สุดก็คือแบบปกติเดิมๆ

และโปรแกรมพื้นฐานที่จะเอามาแนะนำก็เป็นที่ผมติดตั้งให้ลูกค้าเบื้องต้น นอกจากที่ลูกค้าจะแจ้งเพิ่มเติมว่าต้องการใช้โปแรกรมอื่นๆ อะไรบ้าง เดี๋ยวมาดูกันว่ามีโปรแกรมอะไรบ้างที่จำเป็นต้องมีติดตั้งใน Windows 10 และ Windows 8.1 / 7 โดยจะแนะนำตัวโปรแกรมที่เป็นประเภทแบบฟรีแวร์ ซึ่งสามารถหาดาวน์โหลดไปใช้งานได้เลยในเว็บไซต์ ตามลักษณะการใช้งานของแต่ละคน และบางโปรแกรมที่อาจจะต้องจ่ายตังซื้อ License มาใช้งาน Microsoft Office ที่เป็นตัวซอฟแวร์ที่ต้องจ่ายเงินซื้อ License มาใช้งาน

1.โปรแกรมจัดการงานเอกสาร เป็นส่วนแรกที่ต้องติดตั้งก่อนเลย เพราะไฟล์เอกสารส่วนมากก็ต้องเปิดอ่านกัน แม้จะไม่ได้ค่อยสร้างไฟล์เอกสารเท่าไร แต่ถ้าต้องเปิดอ่านไฟล์ประเภทของโปรแกรมนั้นก็ต้องหามาติดตั้ง แม้ว่าจะมีโปรแกรมที่ Windows มีให้เพื่อใช้งานทดแทนกันได้ ก็ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เราจะไม่ค่อยคุ้นกัน หรือ ไม่สะดวกเหมือนโปรแกรมเสริม ซึ่งที่นิยมใช้งานก็จะมี
*Microsoft Office 2010 / 2013 / 2016 (ตัวนี้ต้องซื้อ License มาใช้ครับ)
*อ่านไฟล์ pdf อย่างเดียว
Acrobat Reader
Foxit Reader
*อ่านและแก้ไขไฟล์ pdf
Acrobat Pro
PhantomPDF
Nitro Pro

2.โปรแกรมบีบอัดไฟล์ ตัวนี้ก็สำคัญครับ เพราะเราต้องรับไฟล์จากเพื่อน หรือโหลดไฟล์จากเว็บ ซึ่งส่วนมากแล้วจะบีบอัดเป็นไฟล์ WinRAR, WinZIP, 7zip เป็นตั้น หรือจะใช้รวมไฟล์เอกสารหลายๆ ไฟล์มาไว้เป็นไฟล์เดียวกัน เพื่อส่งอีเมล เป็นต้น
7zip (ฟรีแวร์)
WinRAR (ตัวนี้ไม่ฟรีนะ)
WinZip (ตัวนี้ไม่ฟรี ซึ่งมีหลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นแบบฟรี)

3.โปรแกรมรีโมทซัพพอต สำหรับตัวนี้ถามว่า User จำเป็นต้องใช้ไหม ตอบว่าควรจะมีครับ เพราะแม้ว่าเราไม่ได้ใช้รีโมทไปหาเครื่องคอมฯ คนอื่น แต่เราก็อาจจะต้องให้คนอื่นรีโมทมาตรวจสอบหน้าคอมให้นั้นเอง ดังนั้นควรจะมีติดตั้งไว้
TeamViewer (มีทั้งแบบต้องซื้อ และแบบฟรี)
AnyDesk (ตัวนี้ไม่เคยใช้)
UltraViewer (ตัวนี้ใช้งานได้ฟรี)

5.โปรแกรมแต่งรูปภาพ สำหรับตัวนี้น่าจะรู้จัก Photoshop กันดี แต่โปรแกรมประเภทนี้จะเป็นการใช้งานส่วนบุคคลซะมากกว่าครับ เพราะ User บางคนนั้นอาจจะไม่ได้เป็นต้องใช้งานโปรแกรมประเภทนี้
PhotoScape (ฟรี)
ACDSee Pro (ไม่ฟรี)
IrfanView (ฟรี)
Paint.NET (ฟรี)
6.โปรแกรมจับภาพหน้าจอ สำหรับตัวนี้เราน่าจะรู้จัก Snipping Tools ซึ่งเป็นเครื่องฟรีที่มาพร้อมระบบ Windows โดยที่เราไม่ต้องติดตั้งเพิ่ม แต่สำหรับหลายคนก็ยังมีเครื่องมือไม่ครอบคลุม จึงต้องหาซอฟแวร์อื่นมาเพื่อ ซึ่งก็มีแนะนำตามนี้ครับ
Techsmith SnagIt (ไม่ฟรี)
Lightshot (ฟรี)
Greenshot (ฟรี)
FastStone Capture (ฟรี)
7.3โปรแกรมแปลงไฟล์ ตัวนี้ก็อาจจะจำเป็นบางครั้งครับ เช่นแปลงไฟล์ mp4 เป็น mp3 เป็นต้น
Format Factory (ฟรี)
8.โปรแกรมเล่นไฟล์หนัง ไฟล์วีดีโอ แน่นอนว่าสำคัญไม่แพ้ตัวอื่น เพราะการทำงานก็ต้องมีผ่อนคลายกันบ้าง ซึ่งการผ่อนคลายหลายๆคนก็มักจะ ฟังเพลง ดูหนัง และถ้านึกถึงเปิดหนังเชื่อว่าหลายคนนึกถึง CyberLink PowerDVD สำหรับผมไม่แนะนำเลยครับ ไฟล์ติดตั้งขนาดใหญ่ไปหนักเครื่อง
VLC Media Player (ฟรี)
GOM Media Player (ฟรี)
KMPlayer (ฟรี)
K-Lite Mega Codec Pack (ฟรี)
9.โปรแกรมเล่นไฟล์เพลง ฟังเพลง ซึ่งโปรแกรมกลุ่มนี้มีอยู่ตัวเหมือนกัน อยู่ที่ว่าผู้ใช้ชอบตัวไหนกว่ากัน เพราะคุณภาพก็ไม่ค่อยต่างกันมาก ซึ่งเสียงดีไม่ดีต้องดูที่ฮาร์ดแวร์พวก หูฟัง ลำโพง ที่เปิดด้วย
iTunes (ฟรี)
AIMP (ฟรี)
Spotify (ฟรี และจ่ายตักซื้อแพคเพิ่ม)
Audacity (ตัดต่อเพลงได้ด้วย) (ฟรี)
foobar2000 (ฟรี)
10.โปรแกรมซิงค์ข้อมูล เป็นการซิงค์ข้อมูลในเครื่องคอมฯ กับข้อมูลไดรฟ์ออนไลน์ หรือ Cloud Storage แบบนี้ก็ถือว่าเป็นการสำรองข้อมูลไปในตัว เพราะเมื่อคอมเราพังข้อมูลใน Cloud ก็ยังสามารถเปิดผ่านสมาร์ทโฟนหรือคอมเครื่องอื่นได้ ชื่อซอฟต์แวร์ของกลุ่มนี้ก็เหมือนๆกันครับ ต่างกันแค่ว่าเราเก็บข้อมูลไว้ที่ไหน ก็เลือกใช้ของที่นั้น
DropBox
Google Backup and Sync
MEGAsync
11.โปรแกรมดูเว็บไซต์ ตัวนี้ถ้าไม่ลงก็เห็นจะไม่ได้ เพราะลำพัง Internet Explorer และ Microsoft Edge ที่ Windows ให้มายังไม่พอสำหรับการใช้งาน แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ได้ติดตั้งตัวอื่นเพิ่มเลย
Google Chrome
Firefox
12.โปรแกรมแชท ตัวนี้ก็มีไม่กีตัวที่มักจะใช้งานกัน
LINE for PC
Skype
13.โปรแกรมแอนตี้ไวรัส สำหรับตัวนี้ก็คงจะขาดไม่ได้ แต่ถามว่าต้องลงใหม่ แนะนำให้ลงเพิ่มไว้สบายใจกว่าครับ แม้จะเป็นตัวฟรีก็ตาม ซึ่งในส่วนโปรแกรมกลุ่มนี้เคยได้โพสแนะนำไว้ใน บทความแนะนำโปรแกรมแอนตี้ไวรัสฟรี 2018 ครับ ซึ่งคลิกเข้าไปดูตามลิงก์ได้เลย
ขอแนะนำไวเพียงเท่านี้ก่อนครับ บทความนี้สร้างไว้นานแล้วแต่ไม่ได้โพสซะที เพราะ โปรแกรมพื้นฐาน มีมากมายหลายตัว ไม่รู้ว่าจะแนะนำตัวไหนดี จึงคิดว่าน่าจะแนะนำตัวที่จำเป็นจริงๆ ซึ่งมีอีกหลายตัวที่นิยมใช้งานกันแต่ไม่ค่อยได้ติดตั้งให้ เพราะส่วนมากจะเป็นเครื่องของบริษัทจึงใช้เพียงโปรแกรมที่จำเป็นสำหรับ Windows เท่านั้น ซึ่งยังมีโปรแกรมดาวน์โหลดไฟล์, ไรท์แผ่น, จับภาพหน้าจอ และอื่นๆ

Microsoft เปิดตัว Edge เวอร์ชัน Chromium

หลังจากพัฒนามาสักพัก ในที่สุด Microsoft ก็ปล่อยอัปเดต Edge เวอร์ชัน Chromium โดยเปิดให้ดาวน์โหลดทั้งบนระบบปฏิบัติการ Windows และ macOS แล้ว

สำหรับผู้ใช้งาน Windows ทาง Microsoft จะเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถอัปเดตได้เลยผ่าน Windows Updates ของตัวเครื่อง โดยการติดตั้งผ่านตัวอัปเดตของระบบจะเป็นการติดตั้งทับ Microsoft Edge ตัวเก่าทันที แต่ถ้าเกิดใครอยากลองของก่อนสามารถติดตั้งเองได้จากหน้าเว็บไซต์ของ Microsoft ได้โดยตรง คลิก (ผู้ใช้งาน macOS สามารถติดตั้งได้จากลิงก์เดียวกัน)

ฟีเจอร์ใหม่ของ Microsoft Edge รุ่นนี้รองรับ AAD (Azure Active Directory), มีโหมด Internet Explorer, รองรับการสตรีมระดับ 4K, Dolby audio, วาดหรือเขียนบน PDF ได้ และรองรับส่วนขยายของ Chrome ด้วย

 

Microsoft เปิดให้ผู้ใช้ Windows 7, 8 และ 8.1 ของแท้ อัปเกรดเป็น Windows 10 ได้ฟรี

Microsoft เคยประกาศออกมาแล้วว่า Windows 7 จะสิ้นสุดการสนับสนุนซอฟท์แวร์หลังจากเดือนมกราคมปี 2020 เป็นต้นไป ซึ่งทาง Microsoft เองก็พยายามผลักดันให้คนหันมาใช้  Windows 10 กันมาตลอด และเคยปล่อยให้อัปเกรดฟรีจนถึงปี 2016 อีกด้วย แต่จริงๆ แล้วทุกวันนี้ผู้ใช้งาน Windows 7, 8 และ 8.1 ก็ยังสามารถอัปเกรดเป็น Windows 10 ได้อยู่แบบฟรีๆ ผ่าน Media Creation Tool ง่ายๆ ในไม่กี่ขั้นตอน

Windows 10 เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2015 ซึ่งในช่วงแรกๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่หลายๆ คนยังไม่ให้การยอมรับกันนัก (อาจจะด้วยความเคยชินกับระบบเดิม หรือยังไม่แน่ใจเรื่องความเสถียร) ทำให้คนยังคงใช้ Windows 7 กันอยู่ในสัดส่วนเกินครึ่ง…แต่ทุกวันนี้บอกได้เลยว่า Windows 10 ได้รับการอัปเดตไปไกลกว่าเดิมมาก จนสามารถใช้งานได้เสถียรมากขึ้น จนสามารถใช้งานได้อย่างสบายใจแล้ว เพราะฉะนั้น ใครที่กำลังใช้ระบบ Windows รุ่นเก่าๆ ตั้งแต่ Windows 7 – 8.1 อยู่ ก็หันมาลองใช้ Windows 10 กันดูดีกว่าครับ (หากเพื่อนๆ ใช้ Windows 7 รุ่น Pro อยู่พอเปลี่ยนเป็น Windows 10 แล้วก็จะยังคงเป็นรุ่น Pro อยู่เหมือนเดิมครับ)

ขั้นตอนการอัปเกรดเป็น WINDOWS 10

  • ก่อนอื่นให้เข้าเว็บสำหรับดาวน์โหลด Windows 10 (คลิกที่นี่) กันก่อนนะครับ
  • กดปุ่ม Download tool now เพื่อดาวน์โหลด MediaCreationTool.exe

  • เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วเปิดโปรแกรม Media Creation Tool และให้กดยอมรับเงื่อนไขไปเรื่อยๆ
  • พอถึงหน้า What do you want to do? ให้กด Upgrade this PC now จากนั้นกดปุ่ม Next

  • ถัดมาตัว Tool จะถามว่าจะให้เรา เก็บไฟล์เดิมไว้ หรือ ล้างเครื่องใหม่หมด อันนี้อยู่ที่เราเลือกเลย
  • สุดท้ายกดปุ่ม Install ด้านล่างขวา และรอทำการติดตั้ง ซึ่งอาจจะใช้เวลาเป็นชั่วโมง และเครื่องจะรีสตาร์ทเองหลายรอบ ก็ไม่ต้องตกใจไปนะครับ (เรื่องปกติ)
  • หลังติดตั้งเสร็จเรียบร้อย ก็จะต้องทำการ Activation กันก่อน วิธีก็ง่ายๆ คือให้คอมเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเอาไว้ จากนั้นกดปุ่ม Start -> Settings -> Windows Update -> Activation เพื่อเริ่มใช้งาน Digital License อัตโนมัติหรืออาจจะต้องเอา Product Key จากกล่อง Windows 7, 8 หรือ 8.1 มากรอกเอง เพียงเท่านี้ก็สามารถเริ่มใช้งาน Windows 10 ของแท้ได้แบบเต็มประสิทธิภาพกันแล้วครับ

อย่างไรก็ตามการอัปเกรดแบบนี้จะใช้ได้เฉพาะคนที่ Windows 7, 8 และ 8.1 ของแท้ เท่านั้น ซึ่งส่วนตัวทีมงานแนะนำให้อัปเกรดเป็น Windows 10 เพราะใช้งานได้ดีกว่า รองรับอะไรใหม่ๆ ได้มากกว่า และมีการอัปเดต Patch ความปลอดภัยอยู่เรื่อยๆ อีกด้วย

หากคอมที่เพื่อนๆ ใช้เป็นรุ่นใหม่กว่าปี 2015 ก็สามารถอัปเกรดเป็น Windows 10 ได้เลย แต่ถ้าหากเก่ากว่านี้ไม่แนะนำให้อัปเกรดนะครับ เพราะอุปกรณ์บางอย่างอาจจะไม่รองรับ หรืออาจจะหาไดรเวอร์เพื่อใช้งานร่วมกันไม่ได้แล้วนั่นเองครับ

ผู้ที่ใช้งาน Windows 7,8,8.1 เดิมสามารถอัปเกรดเป็น Windows 10 ได้ทันที

เมื่อ Windows 10 เปิดตัวใหม่ ๆ ทาง Microsoft ได้ประกาศให้ผู้ที่ใช้งาน Windows 7,8,8.1 เดิมสามารถอัปเกรดเป็น Windows 10 ได้ทันทีตั้งแต่เปิดตัวโดยให้เวลาอัปเกรดได้ฟรีภายใน 1 ปีแรก และต่อมาขยายให้ถึง ธันวาคม 2560

(หมายความว่าพ้นจากนี้ไป หากไม่เคยทำการอัปเกรด ก็จะไม่สามารถอัปเกรดได้แล้ว ถ้าจะให้ถูกต้องตามกฎหมาย คุณต้องไปซื้อลิขสิทธิ์ Windows 10 มาเท่านั้น หากไม่ได้ซื้อ จะต้องทำการ Clean Install [ติดตั้งใหม่] โดยจะเป็นสถานะเตือนให้ Activate ทั้งนี้เครื่องที่เคยอัปเกรดมาก่อนในช่วงก่อนหมดเขต ยังจะสามารถติดตั้ง Windows 10 แบบ Activate ถูกต้องได้ฟรี ๆ ไปตลอดจนกว่าเครื่องนั้นจะพัง)

แต่อย่างไรก็ตามจนถึง ณ ปัจจุบันนี้ ได้ทำการทดสอบแล้วพบว่า ผู้ที่ยังไม่เคยอัปเกรดเป็น Windows 10 จาก Windows 7,8,8.1 ยังคงสามารถอัปเกรดได้ตามปกติ เพียงแค่ Microsoft ไม่ได้ขึ้นแจ้งเตือน แต่สามารถดาวน์โหลดมาอัปเกรดเองได้อยู่ โดยที่สถานะยังมีการ Activate อย่างถูกต้องด้วย

ทาง ghacks.net ได้สอบถามไปยังผู้ที่อ้างว่าเป็นพนักงาน Microsoft บน Reddit ได้ข้อสรุปว่า

  • เหตุผลหนึ่งก็คือผู้บริหารของ “Microsoft มุ่งเน้นไปที่ เป้าหมาย 1 พันล้านอุปกรณ์ ให้มาใช้งาน Windows 10”
  • เหตุผลต่อมาก็คือ ต้องการให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในภาพรวม เหมือนเมื่อก่อนที่ยินยอมให้ Windows 7/8/8.1 เถื่อนสามารถอัปเกรดเป็น Windows 10 โดยมาสถานะหลังการอัปเกรดทำให้เหมือนของแท้ (ด้านการทำงานทางเทคนิคนะใช่ แต่ด้านทางกฎหมายลิขสิทธิ์ยังถือว่าเป็นของเถื่อนอยู่นะครับ)
  • Windows 7 จะยุติสนับสนุนในไม่กี่เดือนแล้ว จึงปล่อยให้อัปเกรดเป็น Windows 10 ได้ โดย Windows 10 นั้นไม่มีการยุติสนับสนุนเนื่องจากใช้วิธีออกอัปเดตใหม่เรื่อย ๆ

ดังนั้นก็สรุปได้ว่าในเมื่อทาง Microsoft ปล่อยให้อัปเกรดฟรี และ Windows 7/8/8.1 จะยุติการสนับสนุนแล้ว

  • Windows 7 ยุติการสนับสนุน 17 มกราคม 2563
  • Windows 8 ยุติการสนับสนุน 12 มกราคม 2559
  • Windows 8.1 ยุติการสนับสนุน 10 มกราคม 2566

ก็ควรอัปเกรดครับ อย่าปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือจริง ๆ ในภายหลัง เขาขยายให้แบบเงียบ ๆ แบบนี้ก็รีบคว้าโอกาสเลย

เมื่อไม่มีการสนับสนุนแล้ว หากไม่อัปเกรดท่านจะต้องแบกรับความเสี่ยงเอาเอง ทั้งด้านความปลอดภัย ข้อมูลอาจจะเสียหายจากมัลแวร์และแฮกเกอร์ผ่านทางช่องโหว่ของ Windows รุ่นเก่าซึ่งมีอยู่มาก ทำให้มีโอกาสเสี่ยงมากกว่า Windows รุ่นใหม่ ๆ หลายเท่า และโปรแกรมและเกมรวมถึงบริการต่าง ๆ อาจจะใช้งานไม่ได้ในอนาคต Web Browser อาจจะเข้าใช้งานเว็บในอนาคตไม่ได้เพราะว่าก็ยุติการอัปเดตบน Windows เวอร์ชันเก่าตามไปด้วย

Microsoft ได้เริ่มปรับเว็บไซต์ Outlook.com

Microsoft ได้เริ่มปรับเว็บไซต์ Outlook.com และ Outlook for the Web เป็นแอปประเภท Progressive Web Apps หรือ PWA แล้ว ทำให้ตัวแอปสามารถติดตั้งบนแพลตฟอร์มใดก็ตามที่รองรับ PWA ได้ทันที

Progressive Web App หรือ PWA เป็นการทำเว็บให้มีความสามารถเทียบเท่าแอปเนทีฟ เช่น มีระบบแจ้งเตือน, ระบบแคชที่ดีกว่า, การทำงานในแบคกราวน์ ซึ่ง Microsoft เองก็ได้เริ่มพัฒนาแอปของตัวเองในรูปแบบ PWA แล้ว

ตอนนี้เบราว์เซอร์ที่ใช้ Chromium เป็นฐานอย่าง Chrome, Brave หรือ Edge ต่างก็รองรับ Outlook แบบ PWA แล้ว สามารถกดติดตั้งจากแอดเดรสบาร์ได้ทันที จากนั้นก็สามารถเรียกใช้งานได้ราวกับเป็นแอปหนึ่งบนเครื่อง

No Description

เปิดตัวโน้ตบุ๊ก MateBook D หลัง Microsoft ได้ใบอนุญาตจากรัฐบาล

หลังจาก Microsoft ได้ใบอนุญาตทำการค้ากับ Huawei ได้ไม่นานก็ถึงงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Huawei พอดี นอกจาก MatePad Pro, Huawei Sound X แล้ว บริษัทก็ยังเปิดตัวโน้ตบุ๊ก MateBook D อีกด้วย ถือว่าเหนือข่าวลือและความคาดหมายอยู่เหมือนกัน

Huawei MateBook D มีสองขนาดหน้าจอได้แก่ 14 นิ้ว และ 15 นิ้ว ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i รุ่นที่ 10 และชิปกราฟิก NVIDIA GeForce MX250 หน่วยความจำมีทั้งแบบ HDD และ SSD ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกปรับแต่งได้ มีระบบพัดลมที่ชื่อ Shark Fin 2.0 ทำงานเงียบสนิทแต่ระบายความร้อนได้อย่างดีเยี่ยม ตัวเครื่องมีพอร์ต USB 2.0, USB 3.0 x 2 , 3.5mm, HMDI, และ USB Type-C รองรับสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง

นอกจากรุ่นชิปประมวลผล Intel แล้ว Huawei ยังมีตัวเลือกรุ่นที่ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U พร้อมชิปกราฟิก Radeon Vega 8 ส่วนน้ำหนัก รุ่นหน้าจอ 15 นิ้วหนัก 1.9 กิโลกรัม ส่วนรุ่นหน้าจอ 14 นิ้วหนัก 1.38 กิโลกรัม

เช่นเดียวกับ MatePad Pro, MateBook D รองรับการทำ Mirror หรือฟีเจอร์ที่ทำให้หน้าจอของสมาร์ตโฟนมาปรากฏบนหน้าจอของตัวโน้ตบุ๊กได้ โดย MateBook D มีให้เลือกทั้งระบบปฏิบัติการ Windows และ Linux ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งานครับ

MateBook D เคาะราคาเริ่มต้น 3,699 หยวน หรือประมาณ 15,900 บาท ได้รุ่นแรม 8GB ความจุภายในเครื่อง 256GB SSD + 1TB HDD

Image result for MateBook D

พบบั๊ก Whatapp ให้แฮกเกอร์ลงสปายแวร์ในมือถือเรา

ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานทั่วไปและผู้ใช้งานแอพระดับองค์กรของ WhatsApp ซึ่งโดนหมดไม่ว่าจะเป็น Google Android, Apple iOS และ Microsoft Windows

เพื่อโจมตีช่องโหว่นี้ แฮกเกอร์จำเป็นต้องมีหมายเลขโทรศัพท์ของเป้าหมายที่สมัครใช้งาน Whatapp ไว้ จากนั้นก็ส่งไฟล์ MP4 ที่ทำขึ้นเฉพาะผ่าน Whatapp ถ้าเรากดคลิ๊กลิ้งค์เปิดไฟล์วีดีโอ แฮกเกอร์จะติดตั้งสปายแวร์ที่จะขโมยข้อมูลภายในเครื่องหรือไฟล์ต่าง ๆ ภายในเครื่องได้

ในเวอร์ชั่น Whatapp ที่มีช่องโหว่คือ

  • Wahatapp ใน Android เวอร์ชั่นก่อนอัพเดทเป็น 2.19.274
  • iOS versions ก่อนอัพเดทเป็น 2.19.100
  • Enterprise Client เวอร์ชั่นก่อนอัพเดทเป็น 2.25.3
  • Windows Phone เวอร์ชั่นก่อนอัพเดทเป็น 2.18.368
  • Business for Android  เวอร์ชั่นก่อนอัพเดทเป็น 2.19.104
  • Business for iOS เวอร์ชั่นก่อนอัพเดทเป็น 2.19.100

คำแนะนำคือ หากใครที่ใช้ Whatapp ช่วงนี้ใครส่งไฟล์วีดีโอมาให้ ให้หลีกเลี่ยงการคลิ๊กลิ้งค์ไปก่อนชั่วคราวจนกว่าจะมีการแก้ไขบักนี้ (แต่เนื้อหาข่าวบอกว่า Whatapp แอบแก้ไขแบบเงียบ ๆ แล้ว แต่ไม่ยอมเปิดเผย)

Image result for บั๊ก Whatsapp

Microsoft ได้ใบอนุญาตทำการค้ากับ Huawei แล้ว

Microsoft ได้ใบอนุญาตทำการค้ากับ Huawei แล้ว ถือเป็นข่าวดี สำหรับ Huawei เพราะล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติคำขอของ Microsoft สำหรับใบอนุญาตการค้าเพื่อสานต่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ Huawei แล้ว โดยทางโฆษกของ Microsoft ยืนยันข่าวถึง Reuteurs และชี้แจงว่ายักษ์ซอฟต์แวร์นี้สามารถส่งออกซอฟต์แวร์ mass-market ไปยัง Huawei ได้แล้ว แม้ว่าจะไม่มีการชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับใบอนุญาต แต่คาดว่าไมโครซอฟท์มีอิสระในการแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นการพัฒนาที่น่ายินดีมากสำหรับผู้ผลิตโน้ตบุ๊ก Matebook ของ Huawei

ย้อนกลับไปในเดือนกรกฎาคมกระทรวงพาณิชย์ ได้ประกาศว่าจะมีการเริ่มออกใบอนุญาตการค้าพิเศษสำหรับ บริษัท ในสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับหัวเว่ย และหลังจากประกาศ มีบริษัท เกือบ 300 แห่งในสหรัฐอเมริกา ได้ยื่นขอใบอนุญาตนี้

ในขณะที่การตัดสินใจอนุมัติใบอนุญาต Microsoft เป็นสิ่งที่น่ายินดี แต่ก็ยังต้องรอดูว่า Google จะได้รับใบอนุญาตการค้าแบบเดียวกันหรือไม่ เพราะธุรกิจสมาร์ทโฟนของ Huawei นั้นใหญ่กว่าแล็ปท็อปมาก ซึ่งถ้าหากในอนาคต Google ได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์แล้ว สมาร์ทโฟนของ Huawei จะใช้บริการจากทาง Google ได้ในทันที

Image result for Microsoft ได้ใบอนุญาตทำการค้ากับ Huawei

Huawei ได้สิทธิ์กลับมาใช้ซอฟท์แวร์จาก Microsoft อีกครั้ง

จากปัญหาสงครามการค้าระหว่าง Huawei และสหรัฐอเมริกา ทำให้ Huawei ไม่สามารถใช้บริการ GMS ในมือถือรุ่นใหม่ๆ รวมถึงซอฟท์แวร์จากบริษัท Microsoft ทำให้โน้ตบุ๊ค Matebook รุ่นใหม่ไม่สามารถติดตั้งระบบ Windows รวมถึงแอปยอดนิยมอย่าง Office ได้…แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะเริ่มมีท่าทีที่ดีขึ้นมาบ้าง หลังจาก Microsoft ออกมายืนยันว่าตอนนี้ Huawei สามารถใช้ซอฟท์แวร์จากทางบริษัทได้แล้ว

ตามรายงานล่าสุดบอกว่าทาง Microsoft เจ้าของซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการ Windows และแอปงานเอกสาร Office ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Reuters ว่าตอนนี้ทางกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐอเมริกา ได้อนุมัติให้ Microsoft จำหน่ายสินค้าประเภทซอฟท์แวร์ให้กับ Huawei ได้แล้ว

โดย Microsoft ได้ออกมาประกาศว่า “เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐอเมริกา ได้เซ็นอนุมัติคำขอจากบริษัท Microsoft ให้สามารถทำการค้าด้านซอฟท์แวร์กับบริษัท Huawei ได้ ซึ่งเรารู้สึกขอบคุณมากๆ ที่ทางกระทรวงฯ ได้ตอบรับคำขอของเรา”

ถึงแม้ว่าทาง Microsoft จะไม่ได้ระบุว่าซอฟท์แวร์ตัวไหนที่ได้รับการอนุมัติให้ทำการซื้อขายกับ Huawei กันแน่ แต่จากการให้สัมภาษณ์แล้ว คาดว่าน่าจะเป็นซอฟท์แวร์ที่รวมทั้งระบบ Windows และแอป Office โดยไม่น่าจะมีการเจาะจงอนุญาติเฉพาะซอฟท์แวร์อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น

และจากการที่ Microsoft สามารถกลับมาทำการค้ากับ Huawei ได้แล้ว ก็หมายความว่าโน้ตบุ๊ค MateBook รุ่นใหม่อาจจะสามารถติดตั้งระบบ Windows รวมถึงสามารถใช้งานแอป Office ได้ตามปกติ หลังจากที่มีรายงานว่าก่อนหน้านี้ Huawei ได้จำหน่าย MateBook รุ่นใหม่ที่ใช้ระบบ Linux ออกไปบ้างแล้วในประเทศบ้านเกิด

นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าบริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์อย่าง Intel ซึ่งเคยโดนสั่งห้ามทำการซื้อขายกับ Huawei ก็ได้รับการอนุญาตให้กลับมาค้าขายกันได้เหมือนเดิมแล้วด้วย (แต่ก็ยังไม่ได้มีการยืนยันว่า Intel ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐอเมริกาแล้วหรือยัง)

หลังจากนี้ก็ต้องมารอดูสถานการณ์กันต่อไปว่าทางกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐอเมริกา จะอนุญาตให้ Google กลับมาทำการค้ากับ Huawei ได้อีกรอบเมื่อไหร่ เพราะจากข่าวดังกล่าว ถือว่าเริ่มเป็นลางดีสำหรับ Huawei ที่อย่างน้อยก็น่าจะสามารถจำหน่ายโน้ตบุ๊ค MateBook ที่มีระบบ Windows ติดตั้งมาในตัวได้แล้ว

ไมโครซอฟท์ เปิดตัว Surface Laptop 3 และ Pro 7 เน้นประสิทธิภาพการทำงานที่คล่องตัว

Surface รุ่นใหม่นี้ได้รับการออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพการทำงานที่คล่องตัวสำหรับยุคโมบายอย่างแท้จริงและเป็นไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ทำงานได้หลากหลาย

Surface Laptop 3

รุ่นนี้ยังคงคอนเซ็ปต์การออกแบบที่บางเฉียบ และบางเบา เร็วกว่าดีไวซ์รุ่นก่อนถึงสองเท่าตัว และมาพร้อมกับความสามารถในการทำงานแบบมัลติทาสก์ที่เร็วยิ่งขึ้นและกราฟิกที่ดียิ่งขึ้น

Surface Laptop 3 มีหน้าจอสองขนาด คือ 13.5 และ 15 นิ้ว โดยรุ่นหน้าจอ 13.5 นิ้วใช้โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ เจเนอเรชั่นที่ 10 รุ่นล่าสุด

รุ่นหน้าจอ 15 นิ้วมอบจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้นให้ พร้อมการออกแบบด้วยโลหะล้วนพร้อมกราฟิกจากโปรเซสเซอร์ของ AMD

นอกจากนี้ Surface Laptop 3 ยังบางเบา ด้วยน้ำหนักเพียง 1,288 และ 1,265 กรัมสำหรับรุ่นหน้าจอ 13.5 นิ้วในสีสีดำด้านและสีแพลทตินัมตามลำดับ ขณะที่รุ่นหน้าจอ 15 นิ้วมีน้ำหนักเพียง 1,542 กรัม และ Surface Laptop 3 ยังมีคีย์บอร์ดที่ทนทานพร้อมให้เลือกถึง 2 แบบ ทั้งแบบ Alcantara ที่นุ่มสบาย และโลหะชนิดใหม่

ฟีเจอร์ Fast Charging ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรีได้ถึง 80% ภายใน 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ แทร็กแพดมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่า 20% เพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้นและไร้รอยต่อ

มาพร้อม Instant On, พอร์ต USB-C และ USB-A และชุดไมค์สตูดิโอสองตัวที่รับสัญญาณเสียงระยะไกลได้สำหรับโหมดการโทรใน Microsoft Teams และการแปลงเสียงเป็นตัวหนังสือใน Office สามารถควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลด้วยฮาร์ดไดร์ฟที่ถอดออกได้

Surface Pro 7

มาพร้อมโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ เจเนอเรชั่นที่ 10 รุ่นล่าสุด ทำให้ดีไวซ์เร็วกว่ารุ่นก่อน ๆ ถึง 2.3 เท่า มีให้เลือกถึง 2 สี คือสีดำด้านและสีแพลทตินัม นอกจากนี้ Signature Type Cover, Arc Mouse และปากกา รุ่นใหม่ที่ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น

ฟีเจอร์ล่าสุดอย่าง Fast Charging แบตเตอรีที่อยู่ได้ทั้งวัน และ Instant On พร้อมหน้าจอความละเอียดสูง PixelSense™ Display ขนาด 12.3 นิ้ว แม้ว่าตัวเครื่องจะบางเฉียบและมีน้ำหนักเพียง 775 กรัม

Surface Pro 7 ยังให้ทางเลือกในการเชื่อมต่อกับจอ ดอคกิ้ง สเตชั่น หรืออุปกรณ์ชาร์จต่างๆ ด้วยพอร์ตที่หลากหลาย อาทิ USB-A, USB-C™ และ Surface Connect

แลปท็อปและแท็บเล็ตในตัวนี้มาพร้อมกับขาตั้ง (kickstand) และ Surface Signature Type Cover5 ที่สามารถแยกจากเครื่องได้

 

Image result for ไมโครซอฟท์ เปิดตัว Surface Laptop 3 และ Pro 7 ตอบโจทย์คนทำงานยุคโมบาย