แนะนำการใช้งาน “Store” สำหรับดาวน์โหลดโปรแกรม/แอพต่างๆ บน Windows 10

ตั้งแต่ Windows 8 เป็นต้นมา ไมโครซอฟท์ได้เพิ่มฟีเจอร์ Store หรือศูนย์ร่วมสำหรับดาวน์โหลดโปรแกรมและแอพต่างๆ ในกับ Windows (เช่นเดียวกับ App Store ของ iOS หรือ Google Play ของ Android) จนมาถึง Windows 10 ไมโครซอฟท์ก็ยังชู Store ให้มีความโดดเด่นเช่นเดียวกับฟีเจอร์อื่นๆ ซึ่งในตอนนี้ผมจะพามารู้จักและแนะนำการใช้งาน Store ของ Windows 10 กันครับ

การเข้า Store ของ Windows 10 ทำได้หลายวิธีครับ ที่ง่ายที่สุด คือคลิกที่ไอค่อนรูปกระเป๋าลายวินโดวส์สีขาวๆ ที่อยู่ตรง taskbar หรือจะกดปุ่ม Start เพื่อคลิกที่ป้าย Store ก็ได้ครับ

เมื่อเปิดหน้าต่าง Store มาแล้วก็จะพบกับหน้าแนะนำแอพเด่นๆ แอพที่มาใหม่ หรือแอพที่ได้รับความนิยมสูงสุด เป็นต้น เช่นเดียวกับ App Store ของแพลตฟอร์มอื่นๆ

สามารถดูรายละเอียดหรือภาพตัวอย่างเกียวกับแอพนั้นๆ ได้

การดาวน์โหลดแอพจาก Store ต้องทำการล็อกอินด้วย Microsoft Account (Hotmail/Outlook/MSN และอื่นๆ) ก่อนครับ คลิกที่สัญญลักษ์รูปคนที่มุมขวาบน (ดังภาพ) แล้วกด Sign in

เมื่อล็อกอินเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราจะสามารถดาวน์โหลดแอพต่างๆ จาก Store ได้ทันทีครับ ยกตัวอย่างเช่น ต้องการดาวน์โหลดแอพ Twitter ก็สามารถค้นหาตามหมวดหมู่ หรือพิมพ์ชื่อแอพที่ต้องการได้เลยครับ

กำลังดาวน์โหลดและติดตั้งแอพ…

เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว เราสามารถเรียกใช้งานแอพนั้นๆ ได้จาก Start Menu > All Apps

ทดสอบเปิดแอพ Twitter ที่เพิ่งดาวน์โหลดมา

สำหรับ Store ของ Windows 10 นั้นยังมีส่วนที่ให้เราสามารถจัดการและควบคุมแอพต่างๆ ทั้งหมดได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งให้อัพเดท หรือการถอนการติดตั้ง

การสั่งอัพเดทแอพก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงคลิกไปที่สัญลักษณ์ที่เป็นลูกศรชี้ลง (อยู่ตรงมุมขวาบน) จากนั้นก็จะเจอรายการแอพที่มีอัพเดทครับ สามารถกดอัพเดทได้เลย

การถอนการติดตั้งแอพ สามารถทำได้อีกวิธี คือไปคลิกขวาที่แอพนั้นๆ บนปุ่ม Start แล้วคลิกที่ Uninstall ครับ

สำหรับสิ่งที่แตกต่างระหว่างแอพใน Windows 8 กับ Windows 10 ก็คือ ใน Windows 10 แอพจะรันบนเดสก์ท็อป ดังนั้นเราจึงสามารถจัดการแอพต่างๆ ได้แบบหน้าต่าง สามารถเปิดใช้งานหลายแอพได้พร้อมกัน ไม่เหมือนของ Windows 8 ที่จะเปิดแอพได้ที่ละแอพในหน้า Start Screen เท่านั้น

ลง Windows ใหม่ต้องติดตั้งโปรแกรมที่จำเป็น มีอะไรบ้าง ?

หลังจากที่เราติดตั้ง Windows ใหม่เสร็จแล้ว ควรจะทำอะไรต่อไปบ้าง สิ่งแรกที่หลายๆ คนควรทำก่อนก็คือการอัพเดทระบบปฏิบัติการ Windows ให้เป็นรุ่นล่าสุดครับ เพราะการอัพเดทนี้สามารถช่วยปรับปรุงแก้ไขการทำงานที่ผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นในระบบ ทำให้ระบบรองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์หรือฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ๆ ได้ รวมทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยปิดกั้นช่องโหว่จากการบุกรุกทางออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ตได้ในระดับหนึ่ง

จากนั้นจะเป็นการตั้งค่าส่วนต่างๆ เช่น การตั้งค่าปุ่มสลับภาษา ตั้งค่าเวลา และตั้งค่าไอคอนหลักให้แสดงบนหน้าเดสก์ท็อป เป็นต้น ซึ่งส่วนนี้จะทำก่อนหรือหลังก็ได้ครับ และท้ายสุดจะเป็นการติดตั้งโปรแกรมพื้นฐานที่จำเป็นต่อการใช้งาน “ต้องติดตั้งโปรแกรมที่จำเป็นมีอะไรบ้าง” โดยจะแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ทั้งจำเป็นต้องมีหรือมีติดไว้ก็เผื่อใช้งานก็ได้ดังนี้ครับ

โปรแกรมที่จำเป็นต้องใช้เมื่อ ลง Windows ใหม่ (แนะนำ)
1. โปรแกรมอัพเดตไดรเวอร์ เป็นโปรแกรมแรกที่ควรติดตั้งหลังจากที่เราอัพเดตระบบปฏิบัติการเป็นรุ่นล่าสุดไปแล้ว เพราะไดรเวอร์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การทำงานของอุปกรณ์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยลดการทำงานที่ผิดพลาดซึ่งอาจเกิดจากรุ่นของไดรเวอร์ที่ล้าสมัย

*Driver Booster คือหนึ่งในโปรแกรมฟรีที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยใช้มา สามารถสแกนหาไดรเวอร์ของอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหมดได้อย่างทั่วถึง และให้เราอัพเดตไดรเวอร์ทั้งหมดเพียงคลิกเดียว นอกจากนี้โปรแกรม Driver Booster ยังมีรุ่น Pro ที่สนับสนุนผู้ใช้งานด้วยคุณสมบัติพิเศษอีกมากมาย แต่สำหรับการใช้ไม่บ่อยครั้งแค่รุ่นฟรีก็พอแล้ว
*Graphics Driver ไดรเวอร์การ์ดจอของแต่ละค่าย สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีการ์ดจอรวม การ์ดจอแยกต่างหาก ทั้ง Intel, NVIDIA หรือ AMD ควรหามาติดตั้งให้ตรงรุ่นด้วยครับ
2.โปรแกรมบีบอัดไฟล์และแตกไฟล์ เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่มีความจำเป็นต้องใช้ เพราะในบางกรณีที่เราดาวน์โหลดไฟล์ที่มีการบีบอัดด้วยนามสกุล .zip หรือ .rar โปรแกรมที่ใช้อย่างเช่น WinZip, WinRAR, 7-Zip ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่ช่วยในการจัดการด้านนี้

*WinZip (ฟรีทดลองใช้) โปรแกรมมาตรฐานในด้านการบีบอัดไฟล์นามสกุล .zip โดยจะใช้งานคุณสมบัติพิเศษได้เพียง 21 วัน หลังจากนั้นเราจะยังคงใช้งานได้ปกติในคุณสมบัติพื้นฐาน
*WinRAR (ฟรีทดลองใช้) โปรแกรมที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานเลือกใช้มากที่สุดในมาตรฐานการบีบอัดไฟล์นามสกุล .rar สามารถใช้งานโปรแกรมคุณสมบัติพิเศษได้ 40 วัน หลังจากนั้นยังสามารถใช้งานได้ตามปกติในคุณสมบัติพื้นฐาน
*7-Zip (ฟรี) โปรแกรมสามารถใช้งานในการบีบอัดไฟล์และแตกไฟล์ นามสกุลมาตรฐานของโปรแกรมคือ .7z และรองรับการแตกไฟล์ .zip, .rar ได้ด้วยเช่นกัน
3.โปรแกรมด้านความปลอดภัย ติดตั้งไว้อุ่นใจกว่า โปรแกรมแอนตี้ไวรัส หรือโปรแกรมป้องกันไวรัส ปัจจุบันมีแบบใช้งานฟรีมากมาย (หรือยอมเสียเงินหน่อยซื้อโปรแกรมดีๆ ที่ใช้รายปีไม่แพงก็คุ้มค่าครับ) หาเลือกมาติดตั้งสักหนึ่งตัวไม่เกินนี้ หากมีเยอะก็ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราช้าลงได้ครับ เพราะโปรแกรมประเภทนี้มักจะทำงานแบบเรียลไทม์ ซึ่งใช้งาน CPU และ RAM อยู่บ้าง แต่ยังสามารถใช้ร่วมกับโปรแกรมแอนตี้มัลแวร์ได้ซึ่งโปรแกรมนี้จะช่วยปกป้องคอมพิวเตอร์ของเราจากมัลแวร์ชนิดที่มากับเว็บไซต์ การคลิกลิงค์อันตราย และมากับไฟล์ที่ดาวน์โหลด การทำงานก็จะคนละหน้าที่กับโปรแกรมแอนตี้ไวรัส

*Avast Free โปรแกรมป้องกันไวรัสฟรีที่ได้รับความนิยมสูง แต่ก็ยังมีคู่แข่งจากค่ายอื่นๆ ที่แม้จะไม่ฟรีแต่ก็มีคนยอมจ่ายเงินเพื่อใช้ เช่น Kaspersky, ESET NOD32 เป็นต้น
*Malwarebytes เป็นโปรแกรมแอนตี้มัลแวร์ที่ใช้งานฟรี ใช้เมื่อต้องใช้ไม่ใช่โปรแกรมที่ป้องกันตลอด 24 ชั่วโมง (ต้องอัพเกรดถึงจะใช้แบบเรียลไทม์ได้) สแกนได้ทั่วถึงและครอบคลุม แต่บางกรณีก็ต้องดาวน์โหลดตัวอื่นมาใช้เป็นครั้งคราวอยู่ดี
4.โปรแกรมเบราว์เซอร์ สำหรับท่องเว็บไซต์ผ่านอินเทอร์เน็ต ด้วยความเคยชินที่คนส่วนใหญ่มักจะมีเบราว์เซอร์ที่ใช้ประจำอยู่แล้ว พอเปลี่ยนไปใช้เบราว์เซอร์อื่นแล้วก็จะไม่ค่อยถูกใจ รู้สึกแปลกๆ ทั้งๆ ที่หน้าการใช้ทุกอย่างแทบจะเหมือนกัน บางคนไม่ว่าจะอะไรก็ใช้หมด แต่ก็ยังมีคำพูดที่ว่า เปิด Microsoft Ege เพียงไว้เพื่อโหลดเบราว์เซอร์อื่นมาติดตั้งเท่านั้น ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่ควรดูถูกกันเกินไป

*Google Chrome เป็นเบราว์เซอร์ที่เปิดคอมเครื่องไหนก็เจอแทบทุกเครื่อง ทั้งๆ ที่ตอนติดตั้ง Windows ก็ไม่ได้ติดมาด้วยสักหน่อยแน่นอนอยู่แล้วครับหากไม่มีคนใช้มันก็ไม่โผล่มาให้เห็น เบราว์เซอร์ยอดนิยมใช้ร่วมกับการค้นหาของ Google Search ได้สะดวกสบาย ส่วนในด้านการทำงานนั้นถ้าสังเกตเบราว์เซอร์นี้ยิ่งสเปคเครื่องแรงขึ้นมันก็จะใช้ทรัพยากรเครื่องเรามากขึ้นตามไปด้วย
*Mozilla Firefox เป็นเบราว์เซอร์ที่เห็นอยู่ปะปราย จะมีก็เฉพาะคนที่ใช้อีกเช่นกัน แต่ก็เป็นเบราว์เซอร์ที่โด่งดังอีกหนึ่งตัว ในเครื่องอาจจะมีทั้ง Chrome และ Firefox
5.โปรแกรมจัดการเอกสาร เป็นโปรแกรมที่ขาดไม่ได้เพราะไฟล์เอกสารต่างๆ ล้วนแต่ต้องใช้โปรแกรมด้านนี้เปิดดู อ่าน หรือแก้ไขกันทั้งนั้น ดังนั้นผมจึงไม่แนะนำโปรแกรมอื่นนอกจาก

*Microsoft Office 2010 ขึ้นไป (ต้องซื้อ License) ถ้าใช้รุ่นที่ต่ำกว่านี้เวลานำมาเปิดกับรุ่นที่สูงกว่ามักจะเพี้ยน หรือใครที่คิดว่าใช้โปรแกรมฟรีทดแทนได้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกครับ แต่เวลาเอามาเปิดกับ Microsoft Office โดยเฉพาะโปรแกรม Microsoft Word แล้ว มันก็จะแสดงผลออกมาเพี้ยนหน่อย แต่ก็ไม่เป็นทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าต้นฉบับที่พิมพ์มานั้นจัดหน้าแปลกๆ หรือวางตำแหน่งซับซ้อนเกินไปหรือเปล่า
*โปรแกรมอ่านไฟล์ PDF ปัจจุบันนี้ไม่ต้องใช้โปรแกรมช่วยอ่านเลยก็ได้ เพราะไฟล์ PDF สามารถเปิดดูผ่านเบราว์เซอร์ได้เลย และอีกอย่างใครที่ต้องการสร้างไฟล์ PDF ก็แทบจะไม่ต้องใช้โปรแกรมสร้าง PDF อีกเช่นกันเพราะโปรแกรมสมัยใหม่รองรับการบันทึกเป็นไฟล์ PDF ได้หมดแล้ว จึงไม่นับว่าจำเป็นต้องมีก็ได้
6.โปรแกรมแต่งรูป เรียกว่าก้ำกึ่งระหว่างคำว่า “จำเป็นต้องมี” กับ “ควรติดตั้ง” เพราะเป็นโปรแกรมที่ใช้ไม่เป็นไม่มีก็ได้ หรือติดตั้งไว้เผื่อได้ใช้ โปรแกรมประเภทนี้มีให้เลือกใช้มากมายทั้งใช้งานแบบขั้นสูงสำหรับคนที่ชอบแต่งรูปด้วยความสามารถตอนตนเอง หรือโปรแกรมสำเร็จรูปที่มีตัวอย่างฟิลเตอร์ โทนสี สไตล์ อาร์ตๆ รูปแบบการจัดวางต่างๆ เพียงไม่กี่คลิกก็สวยดั่งใจปรารถนา

*Photoshop (ไม่ฟรี ทดลองใช้ 30 วัน) อันดับหนึ่งโปรแกรมยอดนิยมที่ใช้งานได้หลากหลายฟังก์ชั่น สารพัดงานการแต่งจบได้ภายในโปรแกรมเดียว
*Photoscape (ฟรี) ถึงจะฟรีแต่ก็มีประสิทธิภาพ สามารถใช้แต่งรูปออกมาได้อย่างมีระดับ มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่รองรับความต้องการที่หลากหลาย
*XnRetro (ฟรี) โปรแกรมสำเร็จรูปที่มีฟิลเตอร์หลากหลายสไตล์ เช่น
ย้อนยุค วินเทจ การเล่นแสง และ ใส่กรอบ
7.โปรแกรมด้านความบันเทิง เอาไว้สำหรับเปิดไฟล์วิดีโอ ไฟล์เสียง แม้ว่าบางคนจะไม่เคยเปิดใช้เลยก็ตาม ด้วยปัจจุบันที่อินเทอร์เน็ตไวมากหาดูหาฟังแบบออนไลน์ได้สบาย แต่บางครั้งมันก็ต้องมีบ้างที่จำเป็นต้องใช้ดังนั้นติดตั้งไว้ดีกว่าไม่มีแนะนำว่ามีอย่างน้อย 2 โปรแกรมครับ

*GOM Media Player หรือ KMPlayer ก็ได้ โปรแกรมฟรีสำหรับใช้ดูหนัง เล่นไฟล์วีดีโอ
*VLC Media Player หรือ K-Lite Codec ก็ได้ โปรแกรมฟรีสำหรับใช้ดูหนัง เล่นไฟล์วิดีโอ
*AIMP หรือ GOM Audio โปรแกรมฟังเพลงฟรี จัดคิวเพลง (อาจไม่จำเป็น)
8.โปรแกรมทำความสะอาดเครื่อง ถูกนับเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่จำเป็นต้องใช้หรือควรมีติดไว้ในเครื่อง เพราะว่าประโยชน์ของโปรแกรมประเภทนี้จะช่วยให้คอมพิวเตอร์ของเรามีสุขภาพดี!! ช่วยลบขยะที่เกิดขึ้นทุกวันจากการใช้งานของเรา ขยะที่เกิดจากการบันทึกชั่วคราว ไฟล์รูปภาพ ไฟล์เท็ก ไฟล์แคชต่างๆ ช่วยให้คอมพิวเตอร์เร็วขึ้นเล็กน้อย และช่วยให้พื้นที่เก็บข้อมูลว่างมากยิ่งขึ้น

*CCleaner โปรแกรมเดียวเอาอยู่ เป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพในการทำงาน ได้รับความนิยมจากผู้ใช้จำนวนมาก ใช้งานง่ายเพียงแค่คลิกปุ่ม Run Cleaner โปรแกรมก็จะทำการสำรวจทรัพยากรส่วนเกินในแต่ละจุดที่เป็นขยะ จากนั้นก็ทำการล้างข้อมูลทิ้งไป รับประกันได้ว่าไม่มีผลกระทบกับการทำงานของระบบปฏิบัติการ หากใครมีโปรแกรมที่เคยใช้อยู่แล้ว หรือดีกว่าก็ไม่ว่ากัน ผมแค่แนะนำ
ส่วนโปรแกรมอื่นๆ นอกเหนือจากที่ได้ยกมาแนะนำในบทความนี้ อาจจะมีอีกมากมายที่ต่างคนต่างเลือกใช้ตามความเหมาะสม และยังมีโปรแกรมอีกหลายๆ กลุ่มที่ผมไม่ได้พูดถึงเพราะมันไม่จำเป็นต้องมีไว้ก่อน หากอยากได้ตอนไหนก็สามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งเมื่อไหร่ก็ได้ใช้เวลาไม่นานครับ

โปรแกรมแต่งรูปฟรีๆ เบาหวิวเพียง 2.64MB!!! ลืมโฟโต้ช้อป(เถื่อน)ไปเถอะ

ก็อย่างที่บอกโฟโต้ช้อปที่ใช้อยู่เถื่อนก็เถื่อน หนักเครื่องก็ใช่ย่อยแถมทำเครื่องอึดดดอีกต่างหาก ขยับเม้าท์ไร้สายมาใกล้ๆแล้วจะบอกให้ว่า โปรแกรมแต่งรูปที่แม่มม ปรับง่าย ปรับได้เกือบทุกอย่างเหมือนโฟโต้ช้อป แถมค็อดดดดจะเบาไม่ถึง 3 MB มันมีอยู่จริง!!

ต้องบอกก่อนว่าโปรแกรมแต่งรูปปรับรูปที่ผมใช้ประจำอยู่ชื่อ PhotoScape ที่ชอบใช้เพราะฟรี ตัวเล็ก สามารถแต่งรูปและใส่ลายน้ำพร้อมกันหลายๆรูป (Batch) ได้โดยง่าย แต่ Polarr เบาเหมือนขนนก นี่ไม่ได้โม้นะ โปรแกรมหรือ App นี้ขนาดเล็กเท่า Floppy Disk ประมาณ 2 แผ่นเอง พร้อมใช้งานภายใน 3 วินาที!!! โอ๊ยอวยขนาดนี้อ่านต่อเลยสิ

(พวกแต่งรูปแบบมือโปรที่ต้องการรูปสวยแบบจำต้นฉบับไม่ได้ กลับไปใช้โฟโต้ช้อปอย่างเดิมแหละดีแล้ว)

เพิ่ม App ที่ Chrome Web Store
ต่อไปนี้ผมจะเรียก Polarr ว่าเป็น App เพราะเป็น Application ใน Chrome Web Store นั่นเอง ที่ทำงานผ่าน Browser Chrome และ สามารถเปิด App ได้แบบ Offline อีกด้วย

เพราะฉนั้น App นี้สำหรับท่านที่ใช้ Chrome เท่านั้นจ๊ะ

วิธีการก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย คลิกไม่เกิน 3 ทีก็ใช้ได้ละ ก็ไปที่ Chrome App Store เสิร์ชคำว่า Polarr เดี๋ยวเจอเอง หาตัวที่เป็น Offline Version ล่าสุดพึ่งอัพเดท 18 เม.ย. กดติดตั้ง (อ่อต้อง Sign-in ด้วย Google Account ด้วยนะ) มันก็จะมาอยู่ที่หน้า Chrome Launcher เรียบร้อย

หลังจากติดตั้ง App เสร็จแล้วคงไม่ต้องบอกว่าทำอะไรที่ไหนอย่างไรต่อ เฮ้อออ ก็แค่ Import (ปุ่มที่ 4 บนเมนูทางซ้าย) จะปรับ แต่ง ครอบ ปรับขนาด ยืด หด ฯลฯเอาที่สบายใจ หรือเลือกจาก Filter สำเร็จที่มีให้อยู่แล้วก็ได้ แล้วก็ Export (ได้เฉพาะ .JPG กับ .PNG) ใส่ลายน้ำตรงนี้ก็ได้ฮับ

เนื่องจากเป็นของฟรี ที่เค้าใจดีพัฒนามาให้เราใช้ เพราะฉนั้นบางฟังก์ชั่นอาจจะต้องซื้อเพิ่มเติมฮะ (In-app Purchase) แต่เท่าที่มีอยู่ก็ปรับแต่งขั้นพื้นฐานได้เลิศแล้วล่ะ บอกเลย แต่ถ้าใจดีอยากจะซื้อก็ไม่กี่ร้อยเอง และที่สำคัญมี App สำหรับ Android ด้วยแหละเทอ

รู้ไหมว่า Windows 10 มีโปรแกรมตัดต่อวีดีโอฟรีในตัว ด้วย Story Remix

หากพูดถึงซอฟต์แวร์ตัดต่อวีดีโอฟรีจาก Microsoft ก็คงจะนึกถึงโปรแกรมเก่าอย่าง Windows Movie Maker ที่นำมาตัดต่อแล้วแชร์ขึ้น Youtube หรือ โพสต์ลงโซเชียลต่างๆแต่ก็เป็นโปรแกรมเก่าหลายปีแล้วก็ยังได้รับความนิยมอยู่ แต่คุณทราบหรือไม่ว่า Microsoft มีโปรแกรมตัดต่อวีดีโอแบบใหม่ให้คุณแล้ว และไม่ต้องโหลดอะไรเพิ่ม เพราะอยู่ในตัว Windows 10 รุ่นใหม่ล่าสุดนั่นเอง มีชื่อว่า Story Remix นั่นเอง และมีมาตั้งแต่ปี 2017 มาแล้ว หรือยุค Windows 10 Creator Update

แน่นอนคุณจะหา Search แอปนั้นไม่เจอ เพราะฟีเจอร์นี้อยู่ในส่วนของแอป Photos นั่นเอง นั่นหมายความว่า ทันทีที่คุณ copy ไฟล์ภาพหรือวีดีโอบนคอม จัดการเป็นโฟลเดอร์เรียบร้อย สามารถที่จะเรียกโฟลเดอร์นั้นผ่านทางแอป Photos มาทำเป็นวีดีโอได้ทันที

การตัดต่อด้วยตัวใหม่นั้นไม่ยากเลย ใช้กระบวนการ AI วิเคราะห์รูปและวีดีโอ จัดเรียง ใส่เพลง ใส่ฟิลเตอร์เสร็จสรรพพร้อม export เป็นคลิปได้เลย ไม่ต้องตัดต่อทีละคลิปด้วยตนเองเหมือนแต่ก่อน หากไม่พอใจเปลี่ยนเพลง ก็ปรับเวลาปรับคลิปให้จบพอดีอัตโนมัติได้ ที่สำคัญรองรับการใส่งาน 3 มิติ ลงภายในตัววีดีโอได้ด้วย ทั้งนี้แนะนำให้ทำการอัปเดต Windows 10 ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดก่อน แล้วจะได้ตัวตัดต่อวีดีโอ Story Remix บนแอป Photos ให้ด้วย

” ทั้งนี้เก่าสุดก็เป็น Windows 10 Creator Update ซึ่งสังเกตง่ายๆคือ Windows 10 ต้องมีแอป Paint 3D มาด้วย ”

ในครั้งต่อไปจะมาเจาะลึกการใช้งานซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอตัวใหม่จาก Windows 10 กัน ลองชมตัวอย่างซอฟต์แวร์ตัดต่อวีดีโอบน Windows 10 ไปก่อนว่าเด็ดขนาดไหน ใครใช้เวอร์ชั่นที่เก่ากว่า Windows 10 Creator Update อยู่ สามารถอัปเดตเป็น Windows 10 April 2018 เพราะเป็น Windows 10 เวอร์ชั่นล่าสุด

แนะนำการใช้งาน “Store” สำหรับดาวน์โหลดโปรแกรม/แอพต่างๆ บน Windows 10

ตั้งแต่ Windows 8 เป็นต้นมา ไมโครซอฟท์ได้เพิ่มฟีเจอร์ Store หรือศูนย์ร่วมสำหรับดาวน์โหลดโปรแกรมและแอพต่างๆ ในกับ Windows (เช่นเดียวกับ App Store ของ iOS หรือ Google Play ของ Android) จนมาถึง Windows 10 ไมโครซอฟท์ก็ยังชู Store ให้มีความโดดเด่นเช่นเดียวกับฟีเจอร์อื่นๆ ซึ่งในตอนนี้ผมจะพามารู้จักและแนะนำการใช้งาน Store ของ Windows 10 กันครับ

การเข้า Store ของ Windows 10 ทำได้หลายวิธีครับ ที่ง่ายที่สุด คือคลิกที่ไอค่อนรูปกระเป๋าลายวินโดวส์สีขาวๆ ที่อยู่ตรง taskbar หรือจะกดปุ่ม Start เพื่อคลิกที่ป้าย Store ก็ได้ครับ

เมื่อเปิดหน้าต่าง Store มาแล้วก็จะพบกับหน้าแนะนำแอพเด่นๆ แอพที่มาใหม่ หรือแอพที่ได้รับความนิยมสูงสุด เป็นต้น เช่นเดียวกับ App Store ของแพลตฟอร์มอื่นๆ

สามารถดูรายละเอียดหรือภาพตัวอย่างเกียวกับแอพนั้นๆ ได้

การดาวน์โหลดแอพจาก Store ต้องทำการล็อกอินด้วย Microsoft Account (Hotmail/Outlook/MSN และอื่นๆ) ก่อนครับ คลิกที่สัญญลักษ์รูปคนที่มุมขวาบน (ดังภาพ) แล้วกด Sign in

เมื่อล็อกอินเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราจะสามารถดาวน์โหลดแอพต่างๆ จาก Store ได้ทันทีครับ ยกตัวอย่างเช่น ต้องการดาวน์โหลดแอพ Twitter ก็สามารถค้นหาตามหมวดหมู่ หรือพิมพ์ชื่อแอพที่ต้องการได้เลยครับ

กำลังดาวน์โหลดและติดตั้งแอพ…

เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว เราสามารถเรียกใช้งานแอพนั้นๆ ได้จาก Start Menu > All Apps

ทดสอบเปิดแอพ Twitter ที่เพิ่งดาวน์โหลดมา

สำหรับ Store ของ Windows 10 นั้นยังมีส่วนที่ให้เราสามารถจัดการและควบคุมแอพต่างๆ ทั้งหมดได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งให้อัพเดท หรือการถอนการติดตั้ง

การสั่งอัพเดทแอพก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงคลิกไปที่สัญลักษณ์ที่เป็นลูกศรชี้ลง (อยู่ตรงมุมขวาบน) จากนั้นก็จะเจอรายการแอพที่มีอัพเดทครับ สามารถกดอัพเดทได้เลย

การถอนการติดตั้งแอพ สามารถทำได้อีกวิธี คือไปคลิกขวาที่แอพนั้นๆ บนปุ่ม Start แล้วคลิกที่ Uninstall ครับ

สำหรับสิ่งที่แตกต่างระหว่างแอพใน Windows 8 กับ Windows 10 ก็คือ ใน Windows 10 แอพจะรันบนเดสก์ท็อป ดังนั้นเราจึงสามารถจัดการแอพต่างๆ ได้แบบหน้าต่าง สามารถเปิดใช้งานหลายแอพได้พร้อมกัน ไม่เหมือนของ Windows 8 ที่จะเปิดแอพได้ที่ละแอพในหน้า Start Screen เท่านั้น

Photoscape โฟโต้สเคป : ดาวน์โหลดโปรแกรมแต่งรูปฟรี

PhotoScape โปรแกรมแต่งรูปฟรีแวร์ที่มากไปด้วยความสามารถในการใช้งาน โปรแกรมแต่งรูป PhotoScape ถือเป็นโปรแกรมฟรีแวร์ที่มาพร้อมกับเครื่องมือและฟีเจอร์ต่างๆ สำหรับการแต่งรูปภาพครบครันและน่าใช้งานมากเลยทีเดียว คุณสามารถใช้งานโปรแกรมจัดการตกแต่ง แก้รูปภาพภาพได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ความสามารถและเอฟเฟ็คลูกเล่นต่างๆ ให้เลือกใช้งานอีกมากมาย อาทิ เช่น การปรับสีภาพ การปรับแสง การปรับโหมดภาพ การใส่กรอบรูป การเรียงรูปภาพ แก้ไขรูปภาพ เพิ่มข้อความ เพิ่มตัวการ์ตูน ปรับแก้ไขตาแดง ทำสไลด์โชว์รูป และอื่นๆ อีกมากมาย

หากคุณได้ลองใช้งานโปรแกรมแต่งรูป PhotoScape แล้วจะไม่ผิดหวังเลยทีเดียว เพราะความสามารถในการตกแต่งแก้ไขรูปภาพมีมากมาย ครันมากที่สุดอีกหนึ่งโปรแกรม แถมยังมีฟีเจอร์ฟังก์ชั่นต่างๆ เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการแต่งรูปโดยเฉพาะ คุณสามารถตกแต่งรูปภาพได้ตามสไตล์ที่ต้องการแบบง่ายๆ ด้วยโปรแกรม PhotoScape พร้อมทั้งยังสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมไปใช้งานได้ฟรี ล่าสุดรองรับการใช้งานภาษาไทยแล้ว

ฟังก์ชั่นและความสามารถของโปรแกรม PhotoScape

  • สามารถจัดการรูปภาพ แสดงภาพ ดูรูปในโฟลเดอร์ต่างๆ รวมถึงการสร้างสไลด์
  • สามารถปรับแต่งแก้ไขรูปภาพได้ เช่น ปรับขนาด ปรับสี ปรับแสง เพิ่มกรอบรูป เพิ่มข้อความ เพิ่มรูปภาพตัวการ์ตูน ลบตาแดงและอื่นๆ อีกมากมาย
  • สามารถวาดรูป รีทัชแก้ไขรูปภาพ ตกแต่งภาพ ด้วยเครื่องมือ paint brush, clone stamp, effect brush
  • สามารถรวมรูปภาพหลายๆ รวมให้มาอยู่ในรูปเดียวได้
  • สามารถจัดรูปภาพ หมุนรูป ให้อยู่ในแนวตั้งหรือแนวนอนได้
  • สามารถทำภาพเคลื่อนไหวอะนิเมชั่นต่างๆ โดยการรวมภาพ
  • สามารถสั่งพิมพ์: สามารถพิมพ์ภาพ ปริ๊นภาพ
  • สามารถแคบภาพจับหน้าจอ เซฟภาพบันทึกหน้าจอ
  • สามารถซูมปรับขนาดภาพ ค้นหาและเลือกสี
  • สามารถแปลงไฟล์รูปภาพ เปลี่ยนชื่อไฟล์
  • สามารถเปลี่ยนนามสกุลภาพ เช่น จาก PNG เป็น JPG
  • สามารถทำรูปภาพเรียง ทำกราฟ ทำปฏิทินต่างๆ
  • สามารถค้นหาใบหน้าคล้ายกันได้
  • รองรับการใช้งานภาษาไทย
  • แจกใช้งานฟรี 100%

แนะนำ 6 โปรแกรมดี โปรแกรมฟรี ที่ควรติดตั้งไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์

ก่อนหน้านี้ผู้เขียนจำได้ว่ามีบทความที่ชื่อ “เตือน 6 โปรแกรมอันตราย ที่ไม่ควรมีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์” ออกมาเตือนผู้ใช้เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นบทความที่มีประโยชน์อย่างมากครับ ผู้เขียนก็เลยคิดว่าน่าจะลองหา โปรแกรมดี และเป็นโปรแกรมฟรีสัก 6 โปรแกรมขึ้นมา เพื่อแนะนำให้กับคุณผู้อ่านที่มักจะประสบปัญหากับโปรแกรมที่ไม่พึงประสงค์ ไวรัส มัลแวร์ รวมไปถึงที่อันตรายสุดในตอนนี้ก็คือ Ransomware หรือโปรแกรมเรียกค่าไถ่ ซึ่งโปรแกรมทั้ง 6 ที่ผู้เขียนแนะนำมานี้ ก็เป็นสิ่งที่ผู้เขียนเองก็ใช้งานอยู่เป็นประจำครับ และเป็นโปรแกรมที่ผู้เขียนมักจะติดตั้งทันทีที่ลง Windows เสร็จเรียบร้อย ส่วน 6 โปรแกรมดังกล่าวจะมีอะไรบ้างก็ไปติดตามกันได้เลยครับ

[1] Sophos Home for PC เพิ่มความปลอดภัยจากไวรัส และปลอดภัยจากการท่องเว็บ
Sophos-Home

สิ่งที่ดีที่สุดหลังจากติดตั้ง Windows ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชันไหนก็ตามโปรแกรมที่ควรจะติดตั้งทันทีก็คือโปรแกรมป้องกันไวรัสครับ แม้ว่าตัว Windows รุ่นใหม่ ๆ อย่างเช่น 8 และ 10 จะมาพร้อมกับโปรแกรมป้องกันไวรัสในตัวแล้วก็ตาม แต่ผู้เขียนคิดว่าฟังก์ชันการทำงานที่มาพร้อม Windows นั้นก็ยังมีไม่มากพอสำหรับการใช้งานครับ (ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนด้วย) อย่างผู้เขียนเองจำเป็นต้องเข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อหาโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ มาเขียนลงคอลัมน์ใน QuickPC ดังนั้นการตระเวนไปตามเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยอาศัยเพียงแค่ Windows Defender ก็อาจจะพลาดท่าเสียทีได้ ก็เลยจะเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมที่มีความสามารถในการตรวจจับไวรัส และมีการป้องกันในการเข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ด้วยในตัว ซึ่งโปรแกรมป้องกันไวรัสในลักษณะนี้ก็มีหลายโปรแกรมครับ แต่ตอนนี้ผู้เขียนเองหลงรัก Sophos Home for PC มากเป็นพิเศษ คือนอกจากจะฟรีแล้ว โปรแกรมนี้ยังมีส่วนควบคุมการทำงานผ่านทางเว็บบราวเซอร์ได้อีกด้วย ในกรณีที่เรามีคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง เราก็สามารถติดตามการทำงานของ Sophos ที่อยู่ในเครื่องอื่น ๆ ได้จากส่วนที่เรียกว่า Home Dashboard ครับ

[2] Malwarebyte Anti-Ransomware (Beta) ป้องกันซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่
Malwarebyte-Anti-Ransomware

Malwarebyte Anti-Ransomware (Beta) นี่เป็นโปรแกรมป้องกัน Ransomware ที่น่าสนใจมากในเวลานี้ครับแม้ว่าจะยังไม่ออกเวอร์ชันจริงออกมาก็ตาม และไม่แน่ในเหมือนกันว่าออกเวอร์ชันจริงแล้วยังคงเป็นเวอร์ชันฟรีให้เราใช้ต่อไปหรือไม่ แต่ถ้าใครไม่อยากรอลุ้นว่าเมื่อไหร่จะออกเวอร์ชันจริง ก็สามารถเลือกใช้อีกโปรแกรมหนึ่งก็ได้ครับ นั่นก็คือ Bitdefender AntiRansomware (BDAntiRansomware) ซึ่งเป็นฟรีแวร์เช่นกัน และก็ออกเวอร์ชัน 1.0 มาแล้วไม่ได้เป็นแค่ Beta เหมือน Malwarebyte ส่วนคุณผู้อ่านจะเลือกติดตั้งตัวใด เราก็คิดว่าดีทั้งนั้นครับเพราะว่ากันไว้ดีกว่าแก้

[3] Bitdefender Adware Removal Tools for PC กำจัดทูลบาร์ที่มาพร้อมโฆษณาแฝง
Bitdefender-Adware

นี่เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจจาก Bitdefender ครับ โปรแกรมนี้จะช่วยในการกำจัดพวก Adware ต่าง ที่ซ่อนมากับโปรแกรมที่เราติดตั้งไปตามปกติ หรือเกิดจากการเยี่ยมชมเว็บไซต์ต่าง ๆ แล้วเราไปตอบ OK บนหน้าจอที่ไม่ทันได้อ่าน ซึ่งบางครั้งเราก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่ว่ากำลังทำงานอยู่เพลิน ๆ แล้วขึ้น OK กับ Cancel มาให้เรากด เราก็กด OK ซิครับ ซึ่งผู้เขีนนเองก็เป็นบ่อย แม้ว่าจะพยายามระวังตัวแล้วก็ตาม โปรแกรมพวกนี้บางครั้งก็ไม่ได้เป็นอันตรายอะไร แต่ว่ามันสร้างความรำคาญเสียมากกว่า แต่ก็มีบางโปรแกรมเหมือนกันที่ไม่ปลอดภัย และนอกจากนี้แล้วก็ยังมีโปรแกรมประเภท Hijack Browser คือพวกที่ชอบเปลี่ยนเว็บไซต์หลักและเครื่องมือในการค้นหาของเว็บบราวเซอร์ที่เราใช้งานอยู่ โปรแกรม Bitdefender Adware Removal Tools for PC นี้ก็จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ครับ

[4] Geek Uninstaller ถอดถอนโปรแกรมได้อย่างล้ำลึก
Geek-Uninstaller

Geek Uninstaller เป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ใช้สำหรับถอดถอนโปรแกรมที่ไม่ต้อบการออกจาก Windows ที่ดีที่สุดโปรแกรมหนึ่งครับ ที่ว่าดีนั้นไม่ใช่เพราะเป็นฟรีแวร์ แต่ว่าเป็นเพราะประสิทธิภาพในการจัดการกับโปรแกรมที่เราไม่ต้องการได้อย่างหมดจด โดยที่ตัว Geek Uninstaller เองก็มีขนาดที่เล็กกะทัดรัด ไม่ได้มีฟังก์ชันการทำงานอื่น ๆ มาวุ่นวายด้วย การใช้งานก็เรียบง่ายตรงไปตรงมา ในกรณีที่ใครเจอโปรแกรมแปลก ๆ ที่มักจะแถมมากับโปรแกรมที่เราดาวน์โหลดมาใช้งาน แต่ว่า Uninstall ออกไม่ได้ด้วยวิธีการปกติ ก็สามารถใช้ Geek Uninstaller นี้จัดการได้สบาย ๆ ครับ ส่วนใครที่ต้องการความสามารถพิเศษที่สามารถตรวจจับการติดตั้งโปรแกรมต่าง ๆ ลงในเครื่องของเราได้อย่างละเอียดก็สามารถซื้อรุ่น Pro มาใช้งานได้ครับ แต่สำหรับผู้ใช้ทั่วไปผู้เขียนคิดว่าเวอร์ชันที่เป็นฟรีแวร์ก็ใช้งานได้เพียงพอแล้วครับ นอกจาก Geek Uninstaller แล้ว ก็ยังมีโปรแกรมอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่นี้ได้ดีเช่นกัน อาทิ Revo Uninstaller, IObit Uninstaller เป็นต้น

[5] CCleaner ทำความสะอาดวินโดวส์และแอปพลิเคชัน
CCleaner

CCleaner ยังคงเป็นหนึ่งในโปรแกรมยูทิลิตียอดนิยมที่หลาย ๆ คนใช้งานกัน เนื่องจากความสามารถในการกำจัดไฟล์ขยะของ CCleaner นั้นทำงานได้เป็นอย่างดี โปรแกรมมีการอัปเดตบ่อยมากเพื่อให้รองรับและทันกับการปรับปรุงเวอร์ชันต่าง ๆ ของซอฟต์แวร์ด้วย โปรแกรม CCleaner เองอาจจะไม่ได้มีความสามารถในการป้องกันอันตรายใด ๆ จากมัลแวร์ทั้งหลาย แต่ ความสามารถในการลบไฟล์ขยะต่าง ๆ ของแอปพลิเคชัน และการทำความสะอาดข้อมูลการใช้งานต่าง ๆ ของเว็บบราวเซอร์ที่เราใช้งานกันอยู่เป็นประจำก็สามารถช่วยลบข้อมูลส่วนตัวของเราที่อาจจะถูกนำไปใช้โดยไม่รู้ตัวได้ โดยเฉพาะถ้าพีซีของเรามีคนอื่นมาใช้งานร่วมด้วย แม้จะไม่บ่อยก็ตาม ใน CCleaner ก็มีอีกคุณสมบัติหนึ่งที่ใช้งานได้ดีนั่นก็คือความสามารถในการปิดเปิด Plugin และ Extension ของเว็บบราวเซอร์ (อยู่ในหัวข้อ Tools/Browser Plugins) ช่วยปิดเปิดการทำงานได้ตามต้องการและง่ายดาย รองรับ IE, Firefox, Google Chrome และ Opera ส่วนใครที่มีฮาร์ดดิสก์หรือ SSD แล้วต้องการจะปล่อยขาย ก่อนขายก็แนะนำให้ใช้คุณสมบัติ Drive Wiper เพื่อลบข้อมูลต่าง ๆ ในไดร์ฟของเราออกไปก่อน เพื่อป้องกันการกู้คืนข้อมูลเพราะเราเองอาจจะลืมไปว่าเคยเก็บข้อมูลสำคัญไว้ในไดร์ฟเหล่านั้นด้วย เพราะการฟอร์แมตเพียงอย่างเดียาอาจจะไม่เพียงพอครับ

[6] AOMEI Backupper Standard สำคัญต้องสำรอง
AOMEI Backupper

อีกหนี่งโปรแกรมที่ผู้เขียนคิดว่าสำคัญ แต่บอกได้เลยว่าผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยใส่ใจมากนักก็คือเรื่องของการสำรองข้อมูล ยิ่งทุกวันนี้เรามีความเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลจากพวก Ransomware การแบ็คอัปหรือการสำรองข้อมูลเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าเราจะมีโปรแกรมป้องกันแล้วก็ตาม เพราะมีความเป็นไปได้ที่เราอาจจะไปเจอกับพวก Ransomware ที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ หรืออาจจะรอดจากการตรวจจับมาได้เนื่องจากเหตุผลอื่น ๆ ดังนั้นทางที่ดีเราจึงต้องหัดสำรองข้อมูลที่สำคัญ ๆ ไว้ให้เป็นนิสัย หนึ่งในโปรแกรมแบ็คอัปข้อมูลที่ใช้งานง่ายก็คือ AOMEI Backpper Standard และยังมีความสามารถในการแบ็คอัปที่หลากหลายมาก ตั้งแต่แบ็คอัประบบ แบ็คอัปเฉพาะไฟล์ แบ็คอัปเป็นพาร์ทิชัน รวมไปถึงการแบ็คอัปทั้งไดร์ฟก็สามารถทำได้ ส่วนการแบ็คอัปข้อมูลที่ดีเราก็ควรจะมีแหล่งที่เก็บอย่างน้อย ๆ สองชุด ชุดแรกอาจจะเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ภายในเครื่องเพื่อความสะดวกในการเรียกใช้ ส่วนอีกชุดก็อาจจะเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์แบบพกพา พอแบ็คอัปแล้วก็ถอดสายออกเก็บไดร์ฟไว้ในที่ปลอดภัย เพราะ Ransomware บางตัว เมื่อติดในเครื่องแล้วมันสามารถแพร่กระจายไปได้ทุกไดร์ฟ รวมไปถึงไดร์ฟบนเครือข่ายด้วย

โปรแกรมพื้นฐานที่จำเป็นใน Windows 10 / 8.1 / 7 นิยมดาวน์โหลดมาใช้

หลังจากติดตั้ง Windows เสร็จแล้ว สิ่งที่ต้องทำหลังจากตั้งค่าระบบ Windows ก็คือการติดตั้งโปรแกรมที่จำเป็นใช้งานใน Windows บทความนี้จึงเอาซอฟต์แวร์พื้นฐานที่ต้องใช้งานใน Windows 10 และ Windows 8.1 / 7 มาให้เลือกไปใช้งานกันครับ โดยที่จะเอามาแนะนำก็เป็น โปรแกรมพื้นฐาน ที่ปกติเมื่อผมลง Windows 10 ให้เครื่องลูกค้าเสร็จจะต้องติดตั้งไว้ให้อยู่แล้วครับ ส่วนถ้าลูกค้าต้องใช้โปรแกรมอะไรเพิ่มเติมก็ค่อยติดตั้งให้ครับ

แนะนำโปรแกรมพื้นฐานที่จำเป็นใน Windows
โดยปกติเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Windows แบบ clean install หลังจากที่ติดตั้งเสร็จก็ต้องลงซอฟต์แวร์ต่อ แต่ถ้าเป็นการลงแบบ Ghost แบบที่โคลนมาก็จะมีโปรแกรมให้พร้อมเลยที่ร้านซ่อมคอมฯ ส่วนใหญ่มักจะลงให้ลูกค้า เพราะประหยักเวลา ซึ่งโปรแกรมที่มาพร้อม Windows แบบ Ghost ก็จะมีทั้งที่ใช้งานและไม่ใช้งาน หรือบางโปรแกรมเรายังไม่เคยใช้งานและอาจจะไม่รู้จักด้วยซ้ำ ดังนั้นการติดตั้ง Windows ที่ดีที่สุดก็คือแบบปกติเดิมๆ

และโปรแกรมพื้นฐานที่จะเอามาแนะนำก็เป็นที่ผมติดตั้งให้ลูกค้าเบื้องต้น นอกจากที่ลูกค้าจะแจ้งเพิ่มเติมว่าต้องการใช้โปแรกรมอื่นๆ อะไรบ้าง เดี๋ยวมาดูกันว่ามีโปรแกรมอะไรบ้างที่จำเป็นต้องมีติดตั้งใน Windows 10 และ Windows 8.1 / 7 โดยจะแนะนำตัวโปรแกรมที่เป็นประเภทแบบฟรีแวร์ ซึ่งสามารถหาดาวน์โหลดไปใช้งานได้เลยในเว็บไซต์ ตามลักษณะการใช้งานของแต่ละคน และบางโปรแกรมที่อาจจะต้องจ่ายตังซื้อ License มาใช้งาน Microsoft Office ที่เป็นตัวซอฟแวร์ที่ต้องจ่ายเงินซื้อ License มาใช้งาน

1.โปรแกรมจัดการงานเอกสาร เป็นส่วนแรกที่ต้องติดตั้งก่อนเลย เพราะไฟล์เอกสารส่วนมากก็ต้องเปิดอ่านกัน แม้จะไม่ได้ค่อยสร้างไฟล์เอกสารเท่าไร แต่ถ้าต้องเปิดอ่านไฟล์ประเภทของโปรแกรมนั้นก็ต้องหามาติดตั้ง แม้ว่าจะมีโปรแกรมที่ Windows มีให้เพื่อใช้งานทดแทนกันได้ ก็ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เราจะไม่ค่อยคุ้นกัน หรือ ไม่สะดวกเหมือนโปรแกรมเสริม ซึ่งที่นิยมใช้งานก็จะมี
*Microsoft Office 2010 / 2013 / 2016 (ตัวนี้ต้องซื้อ License มาใช้ครับ)
*อ่านไฟล์ pdf อย่างเดียว
Acrobat Reader
Foxit Reader
*อ่านและแก้ไขไฟล์ pdf
Acrobat Pro
PhantomPDF
Nitro Pro

2.โปรแกรมบีบอัดไฟล์ ตัวนี้ก็สำคัญครับ เพราะเราต้องรับไฟล์จากเพื่อน หรือโหลดไฟล์จากเว็บ ซึ่งส่วนมากแล้วจะบีบอัดเป็นไฟล์ WinRAR, WinZIP, 7zip เป็นตั้น หรือจะใช้รวมไฟล์เอกสารหลายๆ ไฟล์มาไว้เป็นไฟล์เดียวกัน เพื่อส่งอีเมล เป็นต้น
7zip (ฟรีแวร์)
WinRAR (ตัวนี้ไม่ฟรีนะ)
WinZip (ตัวนี้ไม่ฟรี ซึ่งมีหลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นแบบฟรี)

3.โปรแกรมรีโมทซัพพอต สำหรับตัวนี้ถามว่า User จำเป็นต้องใช้ไหม ตอบว่าควรจะมีครับ เพราะแม้ว่าเราไม่ได้ใช้รีโมทไปหาเครื่องคอมฯ คนอื่น แต่เราก็อาจจะต้องให้คนอื่นรีโมทมาตรวจสอบหน้าคอมให้นั้นเอง ดังนั้นควรจะมีติดตั้งไว้
TeamViewer (มีทั้งแบบต้องซื้อ และแบบฟรี)
AnyDesk (ตัวนี้ไม่เคยใช้)
UltraViewer (ตัวนี้ใช้งานได้ฟรี)

5.โปรแกรมแต่งรูปภาพ สำหรับตัวนี้น่าจะรู้จัก Photoshop กันดี แต่โปรแกรมประเภทนี้จะเป็นการใช้งานส่วนบุคคลซะมากกว่าครับ เพราะ User บางคนนั้นอาจจะไม่ได้เป็นต้องใช้งานโปรแกรมประเภทนี้
PhotoScape (ฟรี)
ACDSee Pro (ไม่ฟรี)
IrfanView (ฟรี)
Paint.NET (ฟรี)
6.โปรแกรมจับภาพหน้าจอ สำหรับตัวนี้เราน่าจะรู้จัก Snipping Tools ซึ่งเป็นเครื่องฟรีที่มาพร้อมระบบ Windows โดยที่เราไม่ต้องติดตั้งเพิ่ม แต่สำหรับหลายคนก็ยังมีเครื่องมือไม่ครอบคลุม จึงต้องหาซอฟแวร์อื่นมาเพื่อ ซึ่งก็มีแนะนำตามนี้ครับ
Techsmith SnagIt (ไม่ฟรี)
Lightshot (ฟรี)
Greenshot (ฟรี)
FastStone Capture (ฟรี)
7.3โปรแกรมแปลงไฟล์ ตัวนี้ก็อาจจะจำเป็นบางครั้งครับ เช่นแปลงไฟล์ mp4 เป็น mp3 เป็นต้น
Format Factory (ฟรี)
8.โปรแกรมเล่นไฟล์หนัง ไฟล์วีดีโอ แน่นอนว่าสำคัญไม่แพ้ตัวอื่น เพราะการทำงานก็ต้องมีผ่อนคลายกันบ้าง ซึ่งการผ่อนคลายหลายๆคนก็มักจะ ฟังเพลง ดูหนัง และถ้านึกถึงเปิดหนังเชื่อว่าหลายคนนึกถึง CyberLink PowerDVD สำหรับผมไม่แนะนำเลยครับ ไฟล์ติดตั้งขนาดใหญ่ไปหนักเครื่อง
VLC Media Player (ฟรี)
GOM Media Player (ฟรี)
KMPlayer (ฟรี)
K-Lite Mega Codec Pack (ฟรี)
9.โปรแกรมเล่นไฟล์เพลง ฟังเพลง ซึ่งโปรแกรมกลุ่มนี้มีอยู่ตัวเหมือนกัน อยู่ที่ว่าผู้ใช้ชอบตัวไหนกว่ากัน เพราะคุณภาพก็ไม่ค่อยต่างกันมาก ซึ่งเสียงดีไม่ดีต้องดูที่ฮาร์ดแวร์พวก หูฟัง ลำโพง ที่เปิดด้วย
iTunes (ฟรี)
AIMP (ฟรี)
Spotify (ฟรี และจ่ายตักซื้อแพคเพิ่ม)
Audacity (ตัดต่อเพลงได้ด้วย) (ฟรี)
foobar2000 (ฟรี)
10.โปรแกรมซิงค์ข้อมูล เป็นการซิงค์ข้อมูลในเครื่องคอมฯ กับข้อมูลไดรฟ์ออนไลน์ หรือ Cloud Storage แบบนี้ก็ถือว่าเป็นการสำรองข้อมูลไปในตัว เพราะเมื่อคอมเราพังข้อมูลใน Cloud ก็ยังสามารถเปิดผ่านสมาร์ทโฟนหรือคอมเครื่องอื่นได้ ชื่อซอฟต์แวร์ของกลุ่มนี้ก็เหมือนๆกันครับ ต่างกันแค่ว่าเราเก็บข้อมูลไว้ที่ไหน ก็เลือกใช้ของที่นั้น
DropBox
Google Backup and Sync
MEGAsync
11.โปรแกรมดูเว็บไซต์ ตัวนี้ถ้าไม่ลงก็เห็นจะไม่ได้ เพราะลำพัง Internet Explorer และ Microsoft Edge ที่ Windows ให้มายังไม่พอสำหรับการใช้งาน แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ได้ติดตั้งตัวอื่นเพิ่มเลย
Google Chrome
Firefox
12.โปรแกรมแชท ตัวนี้ก็มีไม่กีตัวที่มักจะใช้งานกัน
LINE for PC
Skype
13.โปรแกรมแอนตี้ไวรัส สำหรับตัวนี้ก็คงจะขาดไม่ได้ แต่ถามว่าต้องลงใหม่ แนะนำให้ลงเพิ่มไว้สบายใจกว่าครับ แม้จะเป็นตัวฟรีก็ตาม ซึ่งในส่วนโปรแกรมกลุ่มนี้เคยได้โพสแนะนำไว้ใน บทความแนะนำโปรแกรมแอนตี้ไวรัสฟรี 2018 ครับ ซึ่งคลิกเข้าไปดูตามลิงก์ได้เลย
ขอแนะนำไวเพียงเท่านี้ก่อนครับ บทความนี้สร้างไว้นานแล้วแต่ไม่ได้โพสซะที เพราะ โปรแกรมพื้นฐาน มีมากมายหลายตัว ไม่รู้ว่าจะแนะนำตัวไหนดี จึงคิดว่าน่าจะแนะนำตัวที่จำเป็นจริงๆ ซึ่งมีอีกหลายตัวที่นิยมใช้งานกันแต่ไม่ค่อยได้ติดตั้งให้ เพราะส่วนมากจะเป็นเครื่องของบริษัทจึงใช้เพียงโปรแกรมที่จำเป็นสำหรับ Windows เท่านั้น ซึ่งยังมีโปรแกรมดาวน์โหลดไฟล์, ไรท์แผ่น, จับภาพหน้าจอ และอื่นๆ