Microsoft ได้เริ่มปรับเว็บไซต์ Outlook.com

Microsoft ได้เริ่มปรับเว็บไซต์ Outlook.com และ Outlook for the Web เป็นแอปประเภท Progressive Web Apps หรือ PWA แล้ว ทำให้ตัวแอปสามารถติดตั้งบนแพลตฟอร์มใดก็ตามที่รองรับ PWA ได้ทันที

Progressive Web App หรือ PWA เป็นการทำเว็บให้มีความสามารถเทียบเท่าแอปเนทีฟ เช่น มีระบบแจ้งเตือน, ระบบแคชที่ดีกว่า, การทำงานในแบคกราวน์ ซึ่ง Microsoft เองก็ได้เริ่มพัฒนาแอปของตัวเองในรูปแบบ PWA แล้ว

ตอนนี้เบราว์เซอร์ที่ใช้ Chromium เป็นฐานอย่าง Chrome, Brave หรือ Edge ต่างก็รองรับ Outlook แบบ PWA แล้ว สามารถกดติดตั้งจากแอดเดรสบาร์ได้ทันที จากนั้นก็สามารถเรียกใช้งานได้ราวกับเป็นแอปหนึ่งบนเครื่อง

No Description

เปิดตัวโน้ตบุ๊ก MateBook D หลัง Microsoft ได้ใบอนุญาตจากรัฐบาล

หลังจาก Microsoft ได้ใบอนุญาตทำการค้ากับ Huawei ได้ไม่นานก็ถึงงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Huawei พอดี นอกจาก MatePad Pro, Huawei Sound X แล้ว บริษัทก็ยังเปิดตัวโน้ตบุ๊ก MateBook D อีกด้วย ถือว่าเหนือข่าวลือและความคาดหมายอยู่เหมือนกัน

Huawei MateBook D มีสองขนาดหน้าจอได้แก่ 14 นิ้ว และ 15 นิ้ว ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i รุ่นที่ 10 และชิปกราฟิก NVIDIA GeForce MX250 หน่วยความจำมีทั้งแบบ HDD และ SSD ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกปรับแต่งได้ มีระบบพัดลมที่ชื่อ Shark Fin 2.0 ทำงานเงียบสนิทแต่ระบายความร้อนได้อย่างดีเยี่ยม ตัวเครื่องมีพอร์ต USB 2.0, USB 3.0 x 2 , 3.5mm, HMDI, และ USB Type-C รองรับสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง

นอกจากรุ่นชิปประมวลผล Intel แล้ว Huawei ยังมีตัวเลือกรุ่นที่ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3500U พร้อมชิปกราฟิก Radeon Vega 8 ส่วนน้ำหนัก รุ่นหน้าจอ 15 นิ้วหนัก 1.9 กิโลกรัม ส่วนรุ่นหน้าจอ 14 นิ้วหนัก 1.38 กิโลกรัม

เช่นเดียวกับ MatePad Pro, MateBook D รองรับการทำ Mirror หรือฟีเจอร์ที่ทำให้หน้าจอของสมาร์ตโฟนมาปรากฏบนหน้าจอของตัวโน้ตบุ๊กได้ โดย MateBook D มีให้เลือกทั้งระบบปฏิบัติการ Windows และ Linux ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งานครับ

MateBook D เคาะราคาเริ่มต้น 3,699 หยวน หรือประมาณ 15,900 บาท ได้รุ่นแรม 8GB ความจุภายในเครื่อง 256GB SSD + 1TB HDD

Image result for MateBook D

พบบั๊ก Whatapp ให้แฮกเกอร์ลงสปายแวร์ในมือถือเรา

ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานทั่วไปและผู้ใช้งานแอพระดับองค์กรของ WhatsApp ซึ่งโดนหมดไม่ว่าจะเป็น Google Android, Apple iOS และ Microsoft Windows

เพื่อโจมตีช่องโหว่นี้ แฮกเกอร์จำเป็นต้องมีหมายเลขโทรศัพท์ของเป้าหมายที่สมัครใช้งาน Whatapp ไว้ จากนั้นก็ส่งไฟล์ MP4 ที่ทำขึ้นเฉพาะผ่าน Whatapp ถ้าเรากดคลิ๊กลิ้งค์เปิดไฟล์วีดีโอ แฮกเกอร์จะติดตั้งสปายแวร์ที่จะขโมยข้อมูลภายในเครื่องหรือไฟล์ต่าง ๆ ภายในเครื่องได้

ในเวอร์ชั่น Whatapp ที่มีช่องโหว่คือ

  • Wahatapp ใน Android เวอร์ชั่นก่อนอัพเดทเป็น 2.19.274
  • iOS versions ก่อนอัพเดทเป็น 2.19.100
  • Enterprise Client เวอร์ชั่นก่อนอัพเดทเป็น 2.25.3
  • Windows Phone เวอร์ชั่นก่อนอัพเดทเป็น 2.18.368
  • Business for Android  เวอร์ชั่นก่อนอัพเดทเป็น 2.19.104
  • Business for iOS เวอร์ชั่นก่อนอัพเดทเป็น 2.19.100

คำแนะนำคือ หากใครที่ใช้ Whatapp ช่วงนี้ใครส่งไฟล์วีดีโอมาให้ ให้หลีกเลี่ยงการคลิ๊กลิ้งค์ไปก่อนชั่วคราวจนกว่าจะมีการแก้ไขบักนี้ (แต่เนื้อหาข่าวบอกว่า Whatapp แอบแก้ไขแบบเงียบ ๆ แล้ว แต่ไม่ยอมเปิดเผย)

Image result for บั๊ก Whatsapp

Microsoft ได้ใบอนุญาตทำการค้ากับ Huawei แล้ว

Microsoft ได้ใบอนุญาตทำการค้ากับ Huawei แล้ว ถือเป็นข่าวดี สำหรับ Huawei เพราะล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติคำขอของ Microsoft สำหรับใบอนุญาตการค้าเพื่อสานต่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ Huawei แล้ว โดยทางโฆษกของ Microsoft ยืนยันข่าวถึง Reuteurs และชี้แจงว่ายักษ์ซอฟต์แวร์นี้สามารถส่งออกซอฟต์แวร์ mass-market ไปยัง Huawei ได้แล้ว แม้ว่าจะไม่มีการชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับใบอนุญาต แต่คาดว่าไมโครซอฟท์มีอิสระในการแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นการพัฒนาที่น่ายินดีมากสำหรับผู้ผลิตโน้ตบุ๊ก Matebook ของ Huawei

ย้อนกลับไปในเดือนกรกฎาคมกระทรวงพาณิชย์ ได้ประกาศว่าจะมีการเริ่มออกใบอนุญาตการค้าพิเศษสำหรับ บริษัท ในสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับหัวเว่ย และหลังจากประกาศ มีบริษัท เกือบ 300 แห่งในสหรัฐอเมริกา ได้ยื่นขอใบอนุญาตนี้

ในขณะที่การตัดสินใจอนุมัติใบอนุญาต Microsoft เป็นสิ่งที่น่ายินดี แต่ก็ยังต้องรอดูว่า Google จะได้รับใบอนุญาตการค้าแบบเดียวกันหรือไม่ เพราะธุรกิจสมาร์ทโฟนของ Huawei นั้นใหญ่กว่าแล็ปท็อปมาก ซึ่งถ้าหากในอนาคต Google ได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์แล้ว สมาร์ทโฟนของ Huawei จะใช้บริการจากทาง Google ได้ในทันที

Image result for Microsoft ได้ใบอนุญาตทำการค้ากับ Huawei

Huawei ได้สิทธิ์กลับมาใช้ซอฟท์แวร์จาก Microsoft อีกครั้ง

จากปัญหาสงครามการค้าระหว่าง Huawei และสหรัฐอเมริกา ทำให้ Huawei ไม่สามารถใช้บริการ GMS ในมือถือรุ่นใหม่ๆ รวมถึงซอฟท์แวร์จากบริษัท Microsoft ทำให้โน้ตบุ๊ค Matebook รุ่นใหม่ไม่สามารถติดตั้งระบบ Windows รวมถึงแอปยอดนิยมอย่าง Office ได้…แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะเริ่มมีท่าทีที่ดีขึ้นมาบ้าง หลังจาก Microsoft ออกมายืนยันว่าตอนนี้ Huawei สามารถใช้ซอฟท์แวร์จากทางบริษัทได้แล้ว

ตามรายงานล่าสุดบอกว่าทาง Microsoft เจ้าของซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการ Windows และแอปงานเอกสาร Office ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Reuters ว่าตอนนี้ทางกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐอเมริกา ได้อนุมัติให้ Microsoft จำหน่ายสินค้าประเภทซอฟท์แวร์ให้กับ Huawei ได้แล้ว

โดย Microsoft ได้ออกมาประกาศว่า “เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐอเมริกา ได้เซ็นอนุมัติคำขอจากบริษัท Microsoft ให้สามารถทำการค้าด้านซอฟท์แวร์กับบริษัท Huawei ได้ ซึ่งเรารู้สึกขอบคุณมากๆ ที่ทางกระทรวงฯ ได้ตอบรับคำขอของเรา”

ถึงแม้ว่าทาง Microsoft จะไม่ได้ระบุว่าซอฟท์แวร์ตัวไหนที่ได้รับการอนุมัติให้ทำการซื้อขายกับ Huawei กันแน่ แต่จากการให้สัมภาษณ์แล้ว คาดว่าน่าจะเป็นซอฟท์แวร์ที่รวมทั้งระบบ Windows และแอป Office โดยไม่น่าจะมีการเจาะจงอนุญาติเฉพาะซอฟท์แวร์อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น

และจากการที่ Microsoft สามารถกลับมาทำการค้ากับ Huawei ได้แล้ว ก็หมายความว่าโน้ตบุ๊ค MateBook รุ่นใหม่อาจจะสามารถติดตั้งระบบ Windows รวมถึงสามารถใช้งานแอป Office ได้ตามปกติ หลังจากที่มีรายงานว่าก่อนหน้านี้ Huawei ได้จำหน่าย MateBook รุ่นใหม่ที่ใช้ระบบ Linux ออกไปบ้างแล้วในประเทศบ้านเกิด

นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าบริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์อย่าง Intel ซึ่งเคยโดนสั่งห้ามทำการซื้อขายกับ Huawei ก็ได้รับการอนุญาตให้กลับมาค้าขายกันได้เหมือนเดิมแล้วด้วย (แต่ก็ยังไม่ได้มีการยืนยันว่า Intel ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐอเมริกาแล้วหรือยัง)

หลังจากนี้ก็ต้องมารอดูสถานการณ์กันต่อไปว่าทางกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐอเมริกา จะอนุญาตให้ Google กลับมาทำการค้ากับ Huawei ได้อีกรอบเมื่อไหร่ เพราะจากข่าวดังกล่าว ถือว่าเริ่มเป็นลางดีสำหรับ Huawei ที่อย่างน้อยก็น่าจะสามารถจำหน่ายโน้ตบุ๊ค MateBook ที่มีระบบ Windows ติดตั้งมาในตัวได้แล้ว

ไมโครซอฟท์ เปิดตัว Surface Laptop 3 และ Pro 7 เน้นประสิทธิภาพการทำงานที่คล่องตัว

Surface รุ่นใหม่นี้ได้รับการออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพการทำงานที่คล่องตัวสำหรับยุคโมบายอย่างแท้จริงและเป็นไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ทำงานได้หลากหลาย

Surface Laptop 3

รุ่นนี้ยังคงคอนเซ็ปต์การออกแบบที่บางเฉียบ และบางเบา เร็วกว่าดีไวซ์รุ่นก่อนถึงสองเท่าตัว และมาพร้อมกับความสามารถในการทำงานแบบมัลติทาสก์ที่เร็วยิ่งขึ้นและกราฟิกที่ดียิ่งขึ้น

Surface Laptop 3 มีหน้าจอสองขนาด คือ 13.5 และ 15 นิ้ว โดยรุ่นหน้าจอ 13.5 นิ้วใช้โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ เจเนอเรชั่นที่ 10 รุ่นล่าสุด

รุ่นหน้าจอ 15 นิ้วมอบจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้นให้ พร้อมการออกแบบด้วยโลหะล้วนพร้อมกราฟิกจากโปรเซสเซอร์ของ AMD

นอกจากนี้ Surface Laptop 3 ยังบางเบา ด้วยน้ำหนักเพียง 1,288 และ 1,265 กรัมสำหรับรุ่นหน้าจอ 13.5 นิ้วในสีสีดำด้านและสีแพลทตินัมตามลำดับ ขณะที่รุ่นหน้าจอ 15 นิ้วมีน้ำหนักเพียง 1,542 กรัม และ Surface Laptop 3 ยังมีคีย์บอร์ดที่ทนทานพร้อมให้เลือกถึง 2 แบบ ทั้งแบบ Alcantara ที่นุ่มสบาย และโลหะชนิดใหม่

ฟีเจอร์ Fast Charging ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรีได้ถึง 80% ภายใน 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ แทร็กแพดมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่า 20% เพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้นและไร้รอยต่อ

มาพร้อม Instant On, พอร์ต USB-C และ USB-A และชุดไมค์สตูดิโอสองตัวที่รับสัญญาณเสียงระยะไกลได้สำหรับโหมดการโทรใน Microsoft Teams และการแปลงเสียงเป็นตัวหนังสือใน Office สามารถควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลด้วยฮาร์ดไดร์ฟที่ถอดออกได้

Surface Pro 7

มาพร้อมโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ เจเนอเรชั่นที่ 10 รุ่นล่าสุด ทำให้ดีไวซ์เร็วกว่ารุ่นก่อน ๆ ถึง 2.3 เท่า มีให้เลือกถึง 2 สี คือสีดำด้านและสีแพลทตินัม นอกจากนี้ Signature Type Cover, Arc Mouse และปากกา รุ่นใหม่ที่ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น

ฟีเจอร์ล่าสุดอย่าง Fast Charging แบตเตอรีที่อยู่ได้ทั้งวัน และ Instant On พร้อมหน้าจอความละเอียดสูง PixelSense™ Display ขนาด 12.3 นิ้ว แม้ว่าตัวเครื่องจะบางเฉียบและมีน้ำหนักเพียง 775 กรัม

Surface Pro 7 ยังให้ทางเลือกในการเชื่อมต่อกับจอ ดอคกิ้ง สเตชั่น หรืออุปกรณ์ชาร์จต่างๆ ด้วยพอร์ตที่หลากหลาย อาทิ USB-A, USB-C™ และ Surface Connect

แลปท็อปและแท็บเล็ตในตัวนี้มาพร้อมกับขาตั้ง (kickstand) และ Surface Signature Type Cover5 ที่สามารถแยกจากเครื่องได้

 

Image result for ไมโครซอฟท์ เปิดตัว Surface Laptop 3 และ Pro 7 ตอบโจทย์คนทำงานยุคโมบาย

Microsoft Office สำหรับสมาร์ตโฟน รวมทุกอย่างในแอปเดียว

วันนี้ Microsoft ได้เปิดตัวแอปทำงานตัวใหม่ “Office” ให้ผู้ใช้สามารถทำงานต่าง ๆ ได้สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เบ็ดเสร็จในแอปเดียว

ก่อนหน้านี้ Microsoft เองได้ออกแอปของบริการใน Office 365 มาแล้วถึง 3 แอป อย่าง Word, Excel และ PowerPoint ที่เราคุ้นเคย แต่ในแอปใหม่นี้จะรวบรวมทั้ง 3 บริการมาอยู่ในแอปเดียวเท่านั้น พร้อมเพิ่มความสามารถอื่น ๆ อีกด้วย

ผู้ใช้สามารถเลือกถ่ายภาพเพื่อแปลงเป็นไฟล์ Word, Excel และ PowerPoint ได้ในเพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น รวมถึงนำฟีเจอร์ของ Office Lens เข้ามารวมในแอปนี้ด้วยเพื่อการสแกนเอกสารหรือไวท์บอร์ด รวมถึงยังสามารถสร้างไฟล์ PDF ได้จากสมาร์ตโฟนโดยตรง ทั้งจากเอกสาร Word, Excel และ PowerPoint หรือการสแกนผ่านกล้องสมาร์ตโฟน

ความสามารถทั้งหมดที่กล่าวมาจะอยู่ในแอป “Office” ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในช่วงการทดสอบ และบุคคลทั่วไปสามารถเข้าร่วมทดสอบได้แล้ววันนี้บน Android และ iOS

แอป Office จาก Microsoft

Microsoft ยอมรับ Android คือระบบปฏิบัติการที่ดีที่สุดสำหรับสมาร์ตโฟน

ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ที่กรุงลอนดอน Panos Panay ผู้บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ได้เปิดตัว Surface Duo หรือสมาร์ตโฟนแบบพับหน้าจอได้ ใช้ระบบปฏิบัติการ Android สำหรับ Surface Duo ด้วยเหตุผลว่า มันดูเรียบง่าย และเป็นระบบปฏิบัติการที่ดีที่สุดสำหรับอุปกรณ์ชิ้นนี้แล้ว

ย้อนกลับไปสมัยก่อนที่ Microsoft ยังพยายามผลักดันระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ตโฟนของตัวเอง Android ถือว่าเป็นคู่แข่งที่สำคัญมาก แต่โพรเจ็คดังกล่าว ถึงแม้ว่า Windows Mobile จะเป็นระบบปฏิบัติการที่ดีก็จริงแต่เนื่องจากไม่มีแอปรองรับมาก ผู้ใช้งานจึงเปลี่ยนไปใช้ Android กันมากกว่า

เมื่อไม่มี Windows 10 Mobile ไม่ได้ไปต่อแล้ว หนทางที่เหลือของ Microsoft คือการเลือก Android มาใช้กับสมาร์ตโฟนอย่าง Surface Duo

นอกจากนี้ Panay ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ความมุ่งมั่นของ Microsoft คือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถให้บริการผู้ใช้งานได้ตลอดเวลา อย่าง Surface Pro X หรือ Surface Laptop 3 ที่ออกแบบตัวเครื่องให้แกะซ่อมได้ง่ายขึ้น สามารถถอด SSD ด้วยตัวเองได้ เป็นต้น

Image result for Microsoft ยอมรับ Android คือระบบปฏิบัติการที่ดีที่สุดสำหรับสมาร์ตโฟน

ปรับ Start menu ของ Windows 10 ให้เปิดเร็วขึ้น

วันนี้มีเคล็ดลับการปรับแต่งเมนูเริ่ม (Start menu) ของ Windows 10 ให้เปิดหรือทำงานเร็วขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้งานบนเครื่องพีซีหรือแท็บเล็ตที่ใช้ซีพียูไม่ค่อยแรงนักอย่างเช่น Intel Atom เป็นต้น

สำหรับเคล็ดลับที่นำมาฝากวันนี้เป็นวิธีง่ายๆ คือการปิดวิชวลเอฟเฟคท์ (Visual Effects) ภาพเคลื่อนไหวบนเมนูเริ่ม ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

1. ให้คุณทำการเปิดหน้า System Properties

  • กดปุ่ม Windows + Break จากนั้นคลิก Advanced system settings บนหน้า System
  • คลิกขวาบนเมนูเริ่ม หรือกดปุ่ม Windows + X จากนั้นคลิก System แล้วคลิก Advanced System Settings บนหน้า System
  • กดปุ่ม Windows + R ป้อน sysdm.cpl ในช่อง Open เสร็จแล้วคลิก OK จากนั้นคลิกแท็บ Advanced บนหน้า System Properties

2. ถึงตอนนี้คุณจะมาอยู่ที่หน้า System Properties จากนั้นให้คุณคลิก Settings ซึ่งอยู่ภายใต้หัวข้อ Performance

 

3. ให้คุณทำการยกเลิกการติ๊กเลือกหัวข้อ “Animate windows when minimizing and maximizing” เพื่อปิดการทำงาน ( Disable) วิชวลเอฟเฟคท์ภาพเคลื่อนไหว

หลังจากทำตามขั้นตอนด้านบนเสร็จแล้ว เมื่อคุณทำการเปิดเมนูเริ่มมันจะปรากฏขึ้นแบบทันที การปิดวิชวลเอฟเฟคท์นี่ไม่มีผลกับไทล์ที่มีชีวิต (Live Tiles) นั้นหมายความว่ามันจะยังคงแสดงเคลื่อนไหวตามปกติ

Dev จัดหนัก จับ Windows 10 ลงในเครื่องคิดเลขได้แล้ว

การจับ Windows ไปลงในอุปกรณ์ต่าง ๆ นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่มีคนลองกันอยู่เสมอ ล่าสุดก็เป็นคิวของเครื่องคิดเลขบ้างแล้วครับ โดยมี developer สามารถนำ Windows 10 ไปบูทบนเครื่องคิดเลขได้แล้ว

โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อบัญชีว่า @imbushuo ได้โพสต์ภาพและคลิปที่ตนเองทดลองนำ Windows 10 (น่าจะเป็นรุ่นสำหรับชิปตระกูล ARM) มาทำงานบนเครื่องคิดเลข HP Prime Graphing Calculator ซึ่งในตอนนี้ก็สามารถเข้าหน้าบูทได้แล้ว จากที่ในทีแรกติดปัญหาเนื่องจากความละเอียดหน้าจอของตัวเครื่องต่ำเกินไป (320 x 240) โดยสามารถติดตามต่อได้จากในบัญชีทวิตเตอร์ของเจ้าตัว ที่อยู่ตรงที่มาของข่าวได้เลย

สเปคคร่าว ๆ ของเครื่องคิดเลข HP Prime Graphing

  • ชิปประมวลผลแบบ ARM ความเร็ว 400 MHz
  • หน้าจอสัมผัสความละเอียด 320 x 240 16 บิท
  • แรม 32 MB
  • รอม 256 MB
  • รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB
  • แบตเตอรี่ li-ion
  • น้ำหนัก 228 กรัม
  • ราคาในไทยประมาณ 8,000 กว่าบาท