Microsoft กำลังช่วยนักพัฒนาซอฟต์แวร์พอร์ตเกม DirectX 12

Microsoft กำลังช่วยนักพัฒนาซอฟต์แวร์พอร์ตเกม DirectX 12  DirectX 12 นั้นถูกบังคับว่าจะต้องใช้บน Windows 10 เท่านั้น ซึ่งเป็นการบังคับให้นักเล่นเกมต้องย้ายจาก Windows 7 หรือ Windows 8 ไปเป็น Windows 10 เพื่อที่จะเล่นเกมด้วย DirectX 12  โดยเกมแรกที่รองรับ DirectX 12 บน Windows 7 จะเป็นเกม MMORPG ของ Blizzard ที่มีอายุมากถึง 15ปี อย่าง World of Warcraft

Image result for Microsoft กำลังช่วยนักพัฒนาซอฟต์แวร์พอร์ตเกม DirectX 12

ผู้จัดการโครงการ Jianye Lu จากทีม DirectX 12 Graphics ของ Microsoft เขียนไว้ในบล็อกโพสต์:

Blizzard เพิ่มการรองรับ DirectX 12 ให้กับเกม World of Warcraft บน Windows 10 เมื่อปลายปีที่แล้ว โดยข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ได้รับความสนใจจากนักเล่นเกมจำนวนมาก  ซึ่งต้องขอบคุณคุณสมบัติของ DirectX 12 เช่น Multi-Thread ที่ทำให้ผู้เล่นเกม WoW ได้รับประสบการณ์การเล่นที่ดีขึ้น หลังจากได้เห็นประสิทธิภาพดังกล่าวทำให้นักเล่นเกมที่ใช้ DirectX 12 บน Windows 10 เล่นได้ดีขึ้น  Blizzard จึงต้องการนำประสบการณ์นี้มาสู่ผู้เล่นเกมที่ยังคงใช้งาน Windows 7 ที่ซึ่ง DirectX 12 ยังไม่สามารถใช้งานได้

ที่ Microsoft เราพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบรับความคิดเห็นของลูกค้า ดังนั้นเมื่อเราได้รับความเห็นนี้จาก Blizzard ทำให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ของเราตัดสินใจที่จะทำ โดย Microsoft มีความยินดีที่จะประกาศว่าเราได้ทำการเชื่อมต่อโหมดผู้ใช้ D3D12 runtime กับ Windows 7 ได้แล้ว ซึ่งสิ่งนี้จะบล็อกผู้พัฒนาที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการอัพเดตล่าสุดใน D3D12 ในขณะที่ยังคงสนับสนุนลูกค้าในระบบปฏิบัติการรุ่นเก่า

ตอนนี้นักเล่นเกม WoW ที่ใช้ Windows 7 สามารถเล่นเกมโดยใช้ DirectX 12 ได้แล้วและสามารถเพลิดเพลินไปกับประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นได้แม้ว่าประสิทธิภาพของ DirectX 12 ที่ดีที่สุดจะอยู่ใน Windows 10 ก็ตาม เนื่องจาก Windows 10 มีการปรับแต่งระบบปฏิบัติการเพื่อให้ DirectX 12 ทำงานได้เร็วขึ้น

Lu ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า Microsoft กำลังทำงานร่วมกับ ‘ผู้พัฒนาเกมรายอื่น’ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เดียวกันสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows รุ่นเก่า ตัวอย่างเช่น Gears 5 ที่กำลังจะมา สามารถเล่นได้บน Windows 7 ถ้าซื้อผ่าน Stream โดย Blizzard ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อแรก ๆ ของ Microsoft เป็นสตูดิโอเบื้องหลังเกม Gears 5 อีกด้วย

ในสัปดาห์นี้ Jianye Lu ได้บอกข่าวดียิ่งขึ้นไปอีกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการอัพเกรดเป็น Windows 10 โดย Microsoft กำลังร่วมมือกับนักพัฒนาต่าง ๆ ที่จะทำให้ง่ายขึ้นในการโอนย้ายเกม DX12 ไปลงใน Windows 7

  • เอกสารแนวทางการพัฒนา – โปรดอ่านเอกสารนี้ก่อนการวางแผนและการเขียนพัฒนา
  • D3D12onWin7 NuGet package มี header file, binary files และ license terms เพื่อทำปลดล็อคการเข้ารหัส
  • ตัวอย่าง D3D12 ที่ทำงานบนทั้ง Win7 และ Win10 ด้วยไบนารีเดียวกัน

หมายความว่าอาจมีบางคนใช้งาน ray-tracing บน Windows 7 เนื่องจาก DirectX Raytracing API เป็นส่วนเสริมของ DX12 นั่นเอง เหตุผลที่ Microsoft ทำเช่นนี้นั้นมาจากหลักการของออคแคมที่แนะนำว่าให้ทำให้ง่ายเนื่องจากไม่จำเป็นต้องล็อค DX12 ให้เป็นส่วนหนึ่งของ Windows 10 อีกต่อไปแล้วเพราะตั้งแต่ต้นปี 2019 Windows 10 ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ทั่วโลกมากกว่า Windows 7 ไปแล้ว

LINE ประกาศหยุดให้บริการแอพบน Windows 10 Mobile ในวันที่ 9 กันยายนนี้

นับเป็นข่าวร้ายของท่านผู้อ่านที่ยังใช้งานแอพ LINE บนมือถือระบบปฏิบัติการ Windows 10 Mobile เมื่อ LINE ได้ประกาศหยุดให้บริการบนแพลตฟอร์ม Windows Phone (ซึ่งในขณะนี้เหลือแอพที่ยังใช้งานได้เพียงแค่บน Windows 10 Mobile) โดยจะเริ่มมีผลในวันที่ 9 กันยายนนี้

จากข้อความแจ้งเตือนภายใต้เมนู Setting > Notices บนตัวแอพ แนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งาน LINE ต่อ ก็ดูจะหนีไม่พ้นการย้ายแอคเคาท์ LINE ไปใช้บนมือถือระบบปฏิบัติการอื่น ซึ่งจะสามารถทำได้ต่อเมื่อได้ลงทะเบียนแอคเคาท์ LINE ด้วยอีเมลเท่านั้น

ผู้ใช้งานที่ยังไม่เคยลงทะเบียนแอคเคาท์ LINE ด้วยอีเมลมาก่อน ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่นานนักก่อนจะไม่สามารถเข้าถึงแอคเคาท์ LINE ได้จากมือถือ Windows 10 Mobile จึงควรรีบดำเนินการโดยเร็ว

No Description

Windows 10 เรียก localhost ได้แล้ว

Windows Subsystem for Linux หรือ WSL เวอร์ชัน 2 ถือเป็นฟีเจอร์ใหญ่ของ Windows 10 รุ่นล่าสุด (จะมาในเวอร์ชัน 20H1) การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือมันเป็นลินุกซ์ที่ใช้เคอร์เนลตัวเต็ม ทำให้ได้ฟีเจอร์ต่างๆ เทียบเท่ากับดิสโทรลินุกซ์จริงๆ ที่รันอยู่ใน Windows 10 อีกทีผ่าน VM

ล่าสุดไมโครซอฟท์เพิ่มฟีเจอร์ให้ WSL 2 ใน Build 18945 ให้ฝั่ง Windows สามารถเข้าถึง WSL 2 ภายในเครื่องเดียวกัน ด้วยการเรียก localhost แทนการระบุ IP แบบเดิม นั่นแปลว่าเราสามารถโฮสต์เซิร์ฟเวอร์ใน WSL 2 แล้วใช้เบราว์เซอร์พิมพ์ localhost เพื่อเข้าใช้งานได้ทันที โดยที่ไม่ต้องตั้งค่าอะไรเพิ่มเลย

No Description

ของใหม่อย่างอื่นของ WSL 2 ได้แก่

  • เพิ่มไฟล์คอนฟิก .wslconfig ในโฟลเดอร์ C:\Users\\ เพื่อตั้งค่าของ WSL 2 แบบ global configuration (มีผลต่อทุกดิสโทรที่เราติดตั้ง)
  • เปิดให้ติดตั้งเคอร์เนลของ WSL 2 ได้เอง (นอกเหนือจากเคอร์เนลลินุกซ์ที่มากับ WSL 2) โดยกำหนดพาธได้จากไฟล์ .wslconfig ได้เช่นกัน

ผู้ที่สนใจใช้งาน จำเป็นต้องใช้กับ Windows Insider กลุ่ม Fast Ring ซึ่งเป็นตัวทดสอบของ Windows 10 20H1 ที่จะออกในปีหน้า

Windows 10 รุ่นถัดไปอาจไม่มีแอป Paint และ Wordpad

สื่อต่างประเทศรายงานว่า Microsoft วางแผนที่จะถอดแอป Paint และ Wordpad ออกจาก Windows 10 รุ่นอัปเดตประจำช่วงฤดูใบไม้ผลิ Build 18963 โดยจะเป็นตัวเลือกให้ผู้ใช้งานติดตั้งเพิ่มทีหลังอีกที

มีผู้ใช้งานพบว่า Microsoft ได้เพิ่ม Paint และ Wordpad เข้าไปอยู่ในส่วนของ Optional Feature แบบเงียบ ๆ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกติดตั้งหรือถอนการติดตั้งโปรแกรมเสริมบางอย่างได้ เช่น Internet Explorer หรือ Windows Media Player เป็นต้น

นั่นหมายความว่าผู้ใช้งานสามารถอนการติดตั้งทั้ง Paint และ Wordpad ออกจากเครื่องได้ทันที แต่เมื่อถอนการติดตั้งไปแล้วก็ยังสามารถติดตั้งใหม่ได้อีกครั้งโดยการกดปุ่ม ‘Add a Feature’ แล้วเลือกติดตั้ง Paint และ Wordpad ได้

ไมโครซอฟท์ยืนยัน ทำ Xbox Scarlett เพียงรุ่นเดียว

ไมโครซอฟท์ยืนยัน ทำ Xbox Scarlett เพียงรุ่นเดียว อีกหนึ่งข้อมูลสำคัญในบทสัมภาษณ์ของ Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox คือการสยบข่าวลือว่า ไมโครซอฟท์จะทำคอนโซลอีกตัวนอกเหนือจาก Project Scarlett

ข่าวนี้เกิดขึ้นเพราะ Project xCloud บริการเกมสตรีมมิ่งของไมโครซอฟท์ และ Xbox One S รุ่นไร้แผ่นดิสก์ ทำให้เกิดการคาดเดากันว่า ไมโครซอฟท์จะทำฮาร์ดแวร์คอนโซลที่เล่นได้เฉพาะเกมจาก xCloud เพียงอย่างเดียว (เหมือน Xbox One S รุ่นไร้แผ่น แต่เป็นสตรีมมิ่งเลย ไม่ต้องดาวน์โหลดก่อน)

Spencer ตอบคำถามเรื่องนี้ว่า Project xCloud เป็นทิศทางที่วงการเกมจะมุ่งไปในระยะยาว แต่เป้าหมายของ xCloud ตอนนี้ยังเน้นการเล่นเกมแบบสตรีมมิ่งบนสมาร์ทโฟนเท่านั้น ส่วนเกมคอนโซลจะเป็นการเล่นเกมที่ประมวลผลในเครื่องเช่นเดิม

Spencer ยังย้ำว่า xCloud ไม่มีทางมีประสิทธิภาพดีเท่ากับการเล่นบนคอนโซลจริงๆ อยู่แล้ว แต่เน้นความสะดวก และความสามารถในการเล่นเกม (จาก Xbox One) ได้จากทุกที่มากกว่า

ไมโครซอฟท์เปิดตัวส่วนขยาย Elements for Microsoft Edge

นับเป็นข่าวดีสำหรับท่านผู้อ่านที่เป็นนักพัฒนาเว็บ ซึ่งมักจะต้องเปิด Developer Tools (DevTools) บนเว็บเบราว์เซอร์เพื่อดีบักและแก้ไขข้อผิดพลาดของเว็บที่กำลังพัฒนากันอยู่บ่อยๆ

เมื่อไมโครซอฟท์ออกส่วนขยายสำหรับพัฒนาเว็บตัวใหม่ให้กับ Visual Studio Code ในชื่อว่า Elements for Microsoft Edge เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการดีบักเว็บไปอีกขั้น ด้วยการช่วยแสดงผลหน้าเว็บพร้อมดึงแท็บ Elements จาก DevTools บน Microsoft Edge (Chromium) ให้นักพัฒนาสามารถเรียกใช้งานได้จากภายใน VS Code โดยตรง

No Description

ส่วนเสริมดังกล่าวจะช่วยลดขั้นตอนในการแก้ไขหน้าเว็บ ในกรณีที่นักพัฒนาตัดสินใจดีบัก DOM ด้วยการเปิดเว็บเบราว์เซอร์ขึ้นมาตรวจสอบหน้าเว็บและทดลองแก้ไขโค้ด HTML/CSS บน DevTools ที่แม้ว่าจะช่วยทำให้สามารถดูผลของการแก้ไขหน้าเว็บบนเบราว์เซอร์ได้ในทันที

แต่ตัวนักพัฒนาก็จะยังต้องนำโค้ดที่แก้ไขแล้วบน DevTools ของเบราว์เซอร์กลับมาบันทึกที่โค้ดต้นฉบับบน code editor ซึ่งการแก้ไขโค้ดสลับไปสลับมาระหว่างเบราว์เซอร์และ code editor นี่เองที่อาจทำให้นักพัฒนาสับสนได้ (เช่นสลับไปเปิด code editor แล้วจำไม่ได้ว่าแก้ไขอะไรบนเบราว์เซอร์ไป)

การที่ส่วนขยาย Elements for Microsoft Edge ช่วยทำให้นักพัฒนาสามารถแก้ไขโค้ดต้นฉบับไปพร้อมๆ กับดูผลลัพธ์และดีบัก DOM ของหน้าเว็บได้ ภายใต้ VS Code เพียงหน้าต่างเดียวน่าจะช่วยลดความน่าสับสนที่เกิดจากเหตุการณ์ข้างต้นไปได้มาก

ส่วนขยาย Elements for Microsoft Edge ยังคงอยู่ในเวอร์ชันพรีวิว แต่ก็สามารถทดลองใช้งานได้แล้ว โดยจำเป็นต้องติดตั้ง

  • เบราว์เซอร์ Microsoft Edge Insider (เวอร์ชัน Canary หรือ Dev Channel)
  • ส่วนขยาย Elements for Microsoft Edge บน VS Code

Microsoft ตั้งเป้าให้ Xbox Scarlett เฟรมเรทที่สูงขึ้นกว่ารุ่นเดิม

Project Scarlett ถือเป็นโปรเจคเครื่องคอนโซลใหม่ที่ทาง Microsoft คาดหวังเอาไว้อย่างมาก และยังเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานที่จะก้าวไปข้างหน้า ซึ่งสิ่งที่ทาง Microsoft ตั้งใจไว้ก็คือต้องการให้เครื่อง Xbox Scarlett นั้นมีเฟรมเรทที่สูงขึ้นกว่ารุ่นเดิม และมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นด้วย

Phil Spencer ประธานของ Xbox ได้ยืนยันเรื่องนี้กับทาง Gamespot แล้ว ว่าเป้าหมายที่ต้องการพัฒนาให้กับเครื่องคอนโซลรุ่นใหม่ของพวกเขามากที่สุดก็คือการเพิ่มเฟรมเรทให้สูงขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้ และรวมไปถึงการโหลดเกมที่เร็วขึ้นด้วย

“ผมคิดว่าสิ่งที่เราพุ่งเป้าอยากจะพัฒนาให้ดีขึ้นในยุคต่อไปคือการเพิ่มเฟรมเรทให้สูงขึ้น และการเล่นก็ต้องมีประสบการณืที่ดีขึ้นด้วย นั่นหมายถึงประสิทธิภาพในการโหลดเกมต้องเร็วอย่างมาก เพื่อให้เฟรมเรทเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พวกเรายังเป็นบริษัทผู้สร้าง Windows ด้วย และก็ได้เห็นการทำงานของระบบบน PC ที่เป็นผลดีต่อผู้พัฒนาด้วย เกมเมอร์หลายคนรักในเกมที่มีความเร็วแบบ 60 FPS ดังนั้นการออกแบบให้ Scarlett สามารถรันเกมแบบ 4K 60 FPS ได้จึงเป็นเป้าหมายหลักของเราครับ”

ในขณะที่ Xbox One X พุ่งเป้าไปที่การให้ผู้เล่นได้สัมผัสกับภาพแบบ 4K Scarlett จะเน้นไปที่ความสามารถในการรันเกม การเพิ่ม SSD เข้ามานั้นช่วยให้เครื่องคอนโซลสามารถเร่งเฟรมเรทและโหลดเกมได้ไวขึ้นด้วย รวมไปถงฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็ช่วยให้การเล่นเกมมีความไหลลื่นมากขึ้นไปด้วย และแน่นอนว่า Xbox ยังคงสนับสนุนเกมเก่า ๆ อยู่ ผ่านระบบ Backward Compatibility นั่นเอง

นอกจากตัวเครื่องแล้ว เหล่าอุปกรณ์เสริมทั้งหลายก็จัดเต็มเช่นกัน ทาง Microsoft เองก็กำลังวางแผนให้กับอุปกรณ์เสริมทั้งหลายของตัวเครื่องด้วย เช่นจอยคอนโทรลเลอร์แบบดัดแปลง หรือจอย Elite ประสิทธิภาพสูง เป็นต้น

Microsoft ปล่อยตัวอัปเดต Windows เวอร์ชั่นล่าสุด อุดสองช่องโหว่อันตราย

Microsoft ปล่อยตัวอัปเดต Windows เวอร์ชั่นล่าสุด อุดสองช่องโหว่อันตราย CVE-2019-1181 และ CVE-2019-1182 ในส่วนของการรีโมทคอมฯ Remote Desktop Service (RDS) ที่มัลแวร์หนอนร้าย (Worm) อาจใช้เจาะเข้าระบบ Windows เพื่อเข้าควบคุมคอมพิวเตอร์ของเหยื่อและกระจายตัวสู่เครื่องอื่นๆ ที่อยู่ในระบบ Network แบบไม่รู้ตัว เหมือนกับที่ WannaCry ใช้โจมตีในช่วงปี 2017

CVE-2019-1181 และ CVE-2019-1182 มีความคล้ายกับช่องโหว่ Bluekeep ที่เจอเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และทาง Microsoft ได้แนะนำให้ผู้ใช้อัปเดตระบบเพื่อป้องกันการใช้ช่องโหว่เหล่านี้ แต่ถ้าไม่อัพเดตก็มีวิธีลดความเสี่ยด้วยการเปิดการใช้งาน Network Level Authentication (NLA) ที่ใช้กำหนดให้การรองรับความถูกต้องของผู้ใช้ในการเชื่อมต่อเดสก์ท็อประยะไกล

อย่างไรก็ตาม Microsoft ก็แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดต Windows ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด เพื่อป้องกันคอมฯ และระบบเน็ตเวิร์คจากการโจมตีจากมัลแวร์ประเภทหนอน (Worm) และการเข้าล็อคเครื่องแบบที่ Ransomware ใช้

Image result for Microsoft เตือนอัปเดต Windows

อัพเดตใหม่ของ Windows 10 จะใช้ชื่อรหัสว่า Vibranium

ใกล้เข้ามาทุกสำหรับการอัพเดตครั้งใหญ่ประจำปีของระบบปฏิบัติการ Windows 10 หลังจากที่มีการอัพเดตใหญ่ไปในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ล่าสุดนี้ก็มีชื่อรหัสการอัพเดตใหม่ของ WIndows 10 ออกมาแล้ว โดยใช้ชื่อว่า Vibranium นั่นเอง

ข้อมุลจาก MSPowerUser ระบุว่า จากข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในไฟล์ของ Windows 10 SDK Prevbiew Build 18950 สามารถยืนยันข่าวนี้ได้ เพราะในคำสั่งต่อท้ายมีตัวย่อ WIN10_VB เขียนเอาไว้อยู่ และถูกค้นพบโดย Tero Alhonen ที่เป็นผู้ปล่อยความลับต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่ใน Windows หรือระบบปฏิบัติการต่าง ๆ มาเผยแพร่อยู่เสมอ

หรือถ้าแค่ตัว SDK ยังยืนยันไม่พอ ไฟล์ usb.h ก็มีบันทึกไว้และบอกอย่างชัดเจนว่า WIndows 10 เวอร์ชั่นใหม่นี้มีชื่อว่า Vibranium จริง ๆ 

โดยเรื่องชื่อรหัสนี้มีการพูดถึงกันมาบ้างแล้วในหมู่ผู้ใช้งานแบบ Insider และนอกจากชื่อรหัสดังกล่าวแล้วก็ยังมีการพูดกันว่า ทาง Microsoft กำลังพัฒนาหน้าตาของ Start Menu แบบใหม่และความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกได้ถึงความสะดวกที่มากขึ้น เชื่อว่าเราน่าจะได้เห็นรายละเอียดการอัพเดตแบบเต็ม ๆ กันในไม่ช้านี้

Windows 10 ปรับดีไซน์หน้าจอ Network Status ใหม่

เส้นทางของไมโครซอฟท์ในการถ่ายโอน Control Panel ไปเป็นหน้าจอ Settings ตัวใหม่ของ Windows 10 ยังดำเนินไปเรื่อยๆ ล่าสุดใน Windows 10 Insider Preview Build 18956 (20H1) ไมโครซอฟท์โชว์หน้าจอ Network Status ใน Settings เวอร์ชันใหม่ ที่มีข้อมูลชัดเจนกว่าของเดิม แสดงอินเทอร์เฟซของเครือข่ายทุกตัวที่มีในหน้าจอเดียว (ทั้งแบบมีสายและไร้สาย) พร้อมแสดงปริมาณข้อมูลที่แต่ละอินเทอร์เฟซใช้งานไปพร้อมกันเลย

ของใหม่อย่างอื่นใน Build 18956 คือ เครื่องคิดเลข Windows Calculator เพิ่มโหมด Always On Top และปรับปรุงการแสดงผลข้อความแจ้งเตือน (notification) ให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าได้ง่ายขึ้นNo Description